Wednesday, February 16, 2011

แนะนำอาชีพ 'ปลูกขจร เก็บดอกขาย'

"ต้นขจร” หรือ “ต้นสลิด” จัดเป็นไม้เถาเลื้อย เป็นไม้ชอบแดดจัด จะออกดอกมากช่วงฤดูฝน ดอกมีกลิ่นหอมเมื่อบาน ทนต่อสภาพแล้งได้ดี ดอกเป็นช่อสั้น ๆ ห้อยเป็นกระจุกคล้ายพวงอุบะ ตามโคนก้านใบช่อดอกหนึ่ง ๆ จะมีดอกประมาณ 20-30 ดอก

ต้นขจรที่พบจะมี 2 สายพันธุ์ คือ “ขจรพันธุ์พื้นบ้าน” ซึ่งดอกจะมีขนาดเล็ก ออกดอกเฉพาะช่วงหน้าฝน อีกพันธุ์คือ “ขจรพันธุ์ดอก” ซึ่งได้มาจากการคัดเลือกสายพันธุ์พื้นบ้านจนได้ขจรพันธุ์ที่มีดอกใหญ่ ออกดอกดก

คุณคำตา โสนะชัย เกษตรกรอำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการปลูกต้นขจรว่า ดินที่ปลูกควรเป็นดินร่วนปนทรายจะดีที่สุด ก่อนปลูกควรไถตากดินไว้ก่อนเพื่อฆ่าเชื้อโรคและวัชพืช ประมาณ 1 อาทิตย์ ขุดหลุมประมาณ 30 30 30 ซม. ระยะห่างระหว่างต้นและแถวประมาณ 2 เมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกเก่า ประมาณครึ่งกิโลกรัม ประมาณหนึ่งเดือนต้นกล้าขจรดอกก็จะเริ่มแทงยอดอ่อน เกษตรกรทำค้างให้ต้นขจรได้เลื้อยสามารถใช้ไม้ไผ่หรือไม้ยูคาลิปตัสมาทำค้าง ให้ค้างมีความสูงประมาณ 1 เมตร และกว้างประมาณ 1 เมตร ส่วนความยาวของค้างแล้วแต่แปลงที่ปลูก

ประมาณ 3 เดือนหลังจากปลูก ต้นขจรก็จะเริ่มออกดอกและจะให้ดอกเต็มที่เมื่ออายุต้น 6 เดือนขึ้นไป สามารถเก็บดอกขจรได้ทุกวัน ใส่ปุ๋ยบำรุงต้น เช่น ปุ๋ยคอกเก่าหรือปุ๋ยหมักจากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในสวนก็เพียงพอ ขจรเป็นพืชผักพื้นบ้านจึงดูแลรักษาง่าย เมื่อลงทุนปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บดอกได้เป็นนานนับสิบปี แต่เกษตรกรควรมีการตัดแต่งเถาให้บ้าง มีการตัดแต่งเถาหนักให้ทุก 2 ปี

ต้นขจรเป็นพืชที่ชำติดง่าย ชำโดยการนำเถาที่มีอายุเกิน 1 ปีขึ้นไปมาตัดเป็นท่อน ชำในถุงดำที่ผสมดิน 1 ส่วน กับขุยมะพร้าว 1 ส่วน ปักท่อนพันธุ์ลงในดินลึกประมาณ 2 นิ้ว นำไปอนุบาลต่อในเรือนเพาะชำที่มีแสงผ่านประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ รดน้ำทุกวันประมาณ 1 เดือนก็สามารถนำมาปลูกได้หรือแบ่งจำหน่ายต้นพันธุ์ได้

ทุกวันนี้เนื่องจากความต้องการบริโภคดอกขจรมีมากขึ้น ราคารับซื้อดอกขจรขณะนี้สูงถึงกิโลกรัมละ 80–90 บาท แต่หากออกไปขายเองที่ตลาดใกล้บ้านจะได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 100–120 บาท.
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=120648&categoryID=663

No comments: