Saturday, January 28, 2012

แนะนำอาชีพ “พิซซ่าสมุนไพร”

แนะนำอาชีพ “พิซซ่าสมุนไพร” หน้าไทยๆ คือจุดขาย
“พิซซ่า” แม้ไม่ใช่อาหารไทย แต่หลายปีมาแล้วที่เด็กไทย-คนไทยรุ่นใหม่ ๆ ให้ความนิยมชมชอบอาหารชนิดนี้ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลการขายพิซซ่าอีกรูปแบบหนึ่งมาให้ลองพิจารณากัน นัยว่าถูกปากคนไทยที่ชื่นชอบอาหารรสจัดจ้านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พิซซ่าที่จะมาดูกันวันนี้คือ “พิซซ่าสมุนไพร” หลากหลายหน้า...

ศิริวรรณ สัจจะเวนะ เจ้าของธุรกิจ อินเตอร์ พิซซ่า (Inter Pizza) เล่าให้ฟังว่า เรียนจบคหกรรมศาสตร์ เคยทำงานเป็นวิทยากรสอนทำอาหารโครงการบ้านพักฉุกเฉินเพื่อช่วยให้ผู้หญิงที่ โดนทำร้ายมีอาชีพ และก็ได้รู้จักกับเจ้าของธุรกิจส่งผลไม้ไปต่างประเทศ ซึ่งชวนไปทำงานด้านแปรรูปผลไม้ตกเกรดเพื่อเพิ่มมูลค่า ที่ประเทศคูเวต โดยผลงานก็เข้าตาผู้บริหาร เพราะเธอพยายามปรับตัวเพื่อให้เข้ากับทีมงาน ศึกษาหาความรู้ ช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบครัวให้มีระบบมากขึ้น

“อย่างทุเรียนที่ค้างสต๊อกจนนิ่ม ก็นำมากวนทำเป็นไส้ขนม ทำเป็นแยม ปรากฏว่าขายดีมาก และได้ราคาดีกว่าทุเรียนสด ทางผู้บริหารก็พอใจ และตั้งแต่ตอนนั้นก็แปลกใจว่าทำไมผู้บริหารถึงชอบกินพิซซ่ากันมาก ซึ่งแป้งจะแข็งมาก ทำให้คิดลองทำตัวแป้งให้นิ่มขึ้น พอสบโอกาสก็ใช้เวลาคิดค้นและทดลองทำอยู่นานเป็นปี จนได้ตัวแป้งที่นุ่มเหนียว และก็ลองให้ผู้บริหารชิม ก็ติดใจ จากนั้นก็นำเอาตัวแป้งพิซซ่านี้ออกสู่ตลาด สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทเป็นจำนวนมาก”

ทำงานอยู่คูเวตหลายปี ศิริวรรณก็ตัดสินใจกลับเมืองไทย โดยต้องการนำสูตรแป้งพิซซ่ากลับมาด้วย ซึ่งผู้บริหารก็ขอซื้อสูตร แต่ไม่ขายสูตร ก็มีการตกลงกันว่าให้บริษัทจัดเงินจำนวนหนึ่งให้เพื่อนำมาทำทุนผลิตแป้งพิซ ซ่าจำหน่ายในเมืองไทย ขณะที่ศิริวรรณต้องเดินทางไปทำงานให้บริษัทเดือนละครั้ง ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวนี้ก็ตกลงกันได้ด้วยดี

“กลับมาช่วงแรกยังไม่กล้าทำขาย คิดว่าถ้าเราจะทำพิซซ่าเหมือนร้านทั่วไป คนรักสุขภาพคงไม่ตอบรับ เพราะกลัวอ้วน ด้วยโจทย์นี้เอง ก็ทำให้คิดค้นพิซซ่าเพื่อสุขภาพ ใช้ชีสไขมันต่ำ ปรับสูตรให้เข้ากับคนไทย”

หลังลองผิดลองถูกอยู่กว่า 3 เดือน ก็ได้พิซซ่าที่หน้าแปลกตา รสชาติใช้ได้ ลองให้เพื่อนบ้านชิม ก็มีคนชื่นชอบ และมีคนสั่งทำเข้ามามาก หลายคนมาบอกให้เปิดเป็นร้านขึ้นมา เธอเลยเปิดร้านขายอยู่ที่หมู่บ้านเคหะธานี 4 ซึ่งตั้งแต่เปิดร้านขึ้นมาก็มีกระแสตอบรับดีเกินคาด รวมทั้งพิซซ่าของเธอก็ฉีกความจำเจ แหวกแนวไปจากพิซซ่าทั่วไป ทั้งในเรื่องของรสชาติ ที่ทำออกมาเป็นไทย ๆ และเน้นไปที่กลุ่มคนรักสุขภาพ โดยปัจจุบันมีราว 20 หน้าให้ลูกค้าเลือก คือ ธัญพืช, เห็ดหอม, สาหร่าย, ผักรวม, แกงเขียวหวาน, พะแนง, ผงกะหรี่, ต้มยำ, ต้มข่า, เบคอน, ปูอัดไอร์แลนด์, ซีฟู้ด ฯลฯ

อีกจุดเด่นคือแม้รับประทานไม่หมด ก็เก็บไว้ในตู้เย็นได้นานหลายวัน อุ่นให้ร้อนเมื่อไหร่ก็อร่อยเหมือนเดิม

จากความพยายามที่จะสรรหาความแปลกใหม่มาต่อยอดกับสิ่งที่ทำอยู่ เมื่อศิริวรรณมั่นใจในเรื่องรสชาติและตัวแป้งพิซซ่า ต่อมาจึงคิดทำคีออสขายในลักษณะคล้ายแฟรนไชส์ แต่ไม่เรียกค่าแฟรนไชส์ เพียงแต่ผู้ร่วมธุรกิจต้องสั่งซื้อแป้งสำเร็จรูป โดยจะมีการสอนให้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การทำซอสพิซซ่า การทำหน้า การอบ เทคนิคต่าง ๆ ยกเว้นตัวแป้งเท่านั้นที่ขอสงวนสิทธิไว้ วัตถุดิบประกอบก็แนะนำให้ไปหาซื้อจากแหล่งราคาถูกและมีคุณภาพภายใต้แบรนด์ อินเตอร์พิซซ่า ขณะที่ราคาขายนั้น ก็ขึ้นอยู่กับทำเลแต่ละร้าน เริ่มต้นที่ 49-69 บาท/ถาด ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบหรือหน้าพิซซ่าที่ลูกค้าเลือก

ปัจจุบันผู้ร่วมธุรกิจของศิริวรรณมีกว่า 60 สาขาทั่วประเทศ และยังเปิดรับผู้ที่ต้องการจะมีธุรกิจหรือเปิดกิจการอะไรสักอย่างเป็นของตัว เอง ซึ่งก็สามารถเปิดกิจการได้ด้วยเงินลงทุน 3,250-40,000 บาท ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจการ

“ทุกขั้นตอนการทำ เราตั้งใจทำขึ้นมาจริง ๆ และวิชาที่ถ่ายทอดต่อ ๆ ให้ไปเราก็ถือว่าเป็นวิทยาทาน เราคิดว่าเราช่วยใครได้บ้าง การจะทำอาชีพอะไรสักอย่าง ความจริงแล้วมีอาชีพเยอะแยะมากมายให้เลือก มีหลายเส้นทางให้เลือกทำ ซึ่งถ้าเราตั้งใจทำอย่างจริงจัง ทุกอย่างก็ไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าใครมาลงทุนกับเรา เราก็ต้องช่วยเหลือให้มากเหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะเรารู้ว่าทุกคนที่ลงทุนย่อมหวังผลที่จะตามมาจากการลงทุนแน่นอน” ศิริวรรณระบุ

ใครสนใจติดต่อกับ ศิริวรรณ สัจจะเวนะ เรื่องกิจการพิซซ่า ก็ติดต่อได้ที่ โทร.0-2927-5979, 08-0912-5757 หรืออยากปรึกษา อยากเรียนรู้การทำอาหารอย่างอื่น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็สามารถรวมกลุ่มไปขอคำแนะนำได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ศิริวรรณเห็นว่าการลงทุนแต่ละอย่างเป็นเรื่องใหญ่มาก และยินดีจะให้คำปรึกษา.


แนะนำอาชีพ “พิซซ่าสมุนไพร” http://www.dailynews.co.th/article/384/9782

Friday, January 27, 2012

แนะนำอาชีพ "ศิลปะลวดดัด"

แนะนำอาชีพ "ศิลปะลวดดัด" วาเลนไทน์ปีนี้ยังทำเงิน!!
"ศิลปะลวดดัด" วาเลนไทน์ปีนี้ยังทำเงิน!!
วันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2555 เวลา 00:00 น.

ใกล้ถึงเทศกาลวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก ก็ถือเป็นโอกาสดีของสินค้าประเภทของขวัญของที่ระลึก ที่จะได้รับความสนใจไม่แพ้ช่วงเทศกาลปีใหม่ ยิ่งเป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูงมาก ชิ้นงานมีรูปแบบหลากหลาย โอกาสที่ชิ้นงานจะขายดีก็ยิ่งเพิ่มขึ้น อย่างเช่นชิ้นงาน ’ศิลปะลวดดัด“ ซึ่งกับเทศกาลความรัก ก็น่าจะมี ’ช่องทางทำกิน“ ที่สดใส...

“ประเวทย์ จิตรเพ็ง” เล่าว่า ยึดอาชีพประดิษฐ์งานลวดดัดมาได้ 12 ปีแล้ว โดยแต่ก่อนทำงานประจำเป็นพนักงานบริษัท ต่อมาไปเห็นชิ้นงานดังกล่าวจากพี่ชายซึ่งทำขายวางแผงแบกะดิน คิดว่าน่าจะฝึกหัดเพื่อมาทำเป็นอาชีพเสริม เพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น จึงลงมือฝึกทำโดยเริ่มจากงานลวดดัดรูปแบบง่าย ๆ ก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มความยากของชิ้นงานให้มากขึ้นเมื่อเริ่มชำนาญ

สินค้าในระยะแรกที่ผลิตขึ้น จะเน้นขายลูกค้าชาวต่างชาติตามแหล่งท่องเที่ยวเป็นหลัก อาทิ รถตุ๊กตุ๊ก, รถสามล้อถีบ, รถเต่า ต่อมาเริ่มคิดงานให้มีรายละเอียดมากขึ้น และมองไปถึงประเภทของการใช้งานที่ลูกค้าสามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย เช่น ที่หนีบรูปภาพและนามบัตร, ที่คั่นหนังสือ, ที่วางโทรศัพท์มือถือ, ที่ติดตู้เย็น ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี และมีกลุ่มลูกค้าหลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญ สามารถทำขายได้ตลอดทั้งปี

“ปัจจุบันนอกจากจะผลิตเพื่อจำหน่ายเองแล้ว ก็ยังมีลูกค้าที่มารับซื้อเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ นอกจากนั้นก็ยังมีงานรับจ้างสั่งทำ ทั้งที่เป็นบริษัท และหน่วยงานราชการ เพื่อนำไปมอบเป็นของที่ระลึก และยังมีกลุ่มลูกค้าประเภทของชำร่วย ลูกค้างานแต่งงาน เพิ่มเข้ามาอีกด้วย” ประเวทย์กล่าว

นอกจากจะมีหน้าร้านจำหน่ายที่ห้างเดอะพาลาเดียม ย่านประตูน้ำแล้ว ปัจจุบันประเวทย์ยังเปิดช่องทางการขายเพิ่มขึ้นโดยใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามา ช่วย คือที่ www.facebook.com/pjgallery และ www.pjgallery.com ทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเขาบอกว่าการตลาดบนอินเทอร์เน็ตขณะนี้ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก สำหรับคนทำอาชีพงานประดิษฐ์หรืองานแฮนด์เมดแบบนี้ ซึ่งนอกจากจะทำให้ลูกค้าได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าได้มากขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางของลูกค้าได้อีกทางหนึ่งด้วย

“ข้อดีคือลูกค้าสามารถเช็กข้อมูลและเห็นภาพสินค้าได้ทันที โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมา ซึ่งปัจจุบันที่ร้านจะได้ลูกค้าจากช่องทางการจำหน่ายนี้อีกช่องทางหนึ่ง เพิ่มขึ้นด้วย”

ประเวทย์บอกต่อไปว่า สำหรับงานลวดดัดนี้ เป็นงานที่สามารถพลิกแพลงดัดแปลงชิ้นงานได้ตลอดเวลา สามารถนำชิ้นงานเดิมที่เคยทำไว้มาขยายต่อยอด โดยเพิ่มรายละเอียดและลูกเล่นเข้าไปในชิ้นงาน ทั้งยังปรับเปลี่ยนชนิดของการใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าและ กลุ่มเป้าหมายได้เรื่อย ๆ ดังนั้น ใครที่บอกว่างานลักษณะนี้ทำแล้วตัน จึงไม่ใช่เรื่องจริง...

“คนที่ทำแล้วตัน เป็นเพราะไม่ยอมคิดพัฒนางานต่อ จริง ๆ งานตรงนี้ถ้าเข้าใจและหาความชำนาญให้มากขึ้นอีกนิดหน่อย ก็สามารถยึดเป็นอาชีพได้อย่างดี สำคัญคือต้องอดทนและใจเย็น” เจ้าของชิ้นงานกล่าวแนะนำ

ทุนเบื้องต้นอาชีพนี้ ใช้ประมาณ 2,000 บาท ส่วนทุนวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 30% จากราคาขาย ซึ่งสินค้าของประเวทย์มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ชิ้นละ 10 บาท ไปจนถึงชิ้นละ 790 บาท ขึ้นกับขนาดและความยากง่ายของชิ้นงาน

วัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ หลัก ๆ ก็มี คีมตัดลวด, คีมดัดลวด, ไม้สำหรับขึ้นโครง (หรือใช้วัสดุอย่างอื่นดัดแปลงทดแทนได้), ลวดอะลูมิเนียม (เบอร์ 14, 16, 17), ยางพลาสติกสีโปร่งใส (ใช้สำหรับหุ้มลวดอะลูมิเนียมเพื่อตกแต่ง) และวัสดุสำหรับตกแต่งชิ้นงานตามต้องการ อาทิ กระดิ่ง, ริบบิ้น, ลูกปัด, พวงกุญแจ เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากออกแบบชิ้นงานที่ต้องการจะขึ้นโครง เมื่อได้แบบแล้วก็เริ่มทำการตัดลวดตามขนาดชิ้นงานที่จะทำ เมื่อตัดลวดออกมาแล้วก็เริ่มดัดลวดให้เป็นโครงงานตามที่ออกแบบไว้ ในส่วนที่ต้องการเพิ่มสีสันก็ให้นำลวดสอดเข้าไปในยางพลาสติกสีโปร่งใส เมื่อได้รูปทรงของชิ้นงานที่ต้องการแล้ว ก็นำวัสดุตกแต่ง เช่น กระดิ่ง, พวงกุญแจ, ลูกปัดสี หรืออย่างอื่นที่เตรียมหรือออกแบบไว้ มาประกอบเข้ากับชิ้นงาน ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำงานลวดดัด

“เราสามารถทำให้เสร็จทีเดียวเป็นหนึ่งชิ้นงานเลย หรือจะทำแยกเป็นส่วน ๆ ไว้ หลาย ๆ ชิ้น แล้วค่อยนำมาประกอบให้เป็นชิ้นงานทีหลังก็ได้ ซึ่งขั้นตอนตรงนี้ไม่มีการกำหนดตายตัว ขึ้นกับไอเดียของคนทำเป็นสำคัญ และสำคัญที่สุดสำหรับคนที่สนใจในอาชีพนี้ สิ่งที่ต้องมีคือความอดทน ใจเย็น เพราะงานแต่ละชิ้นเมื่อเริ่มต้นทำใหม่ ๆ ความชำนาญอาจจะยังไม่มาก อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ถ้าทำบ่อย ๆ เป็นประจำ ความชำนาญเพิ่มมากขึ้น ก็จะทำได้รวดเร็วและกล้าคิดต่อยอดได้ต่อไปเอง” เจ้าของชิ้นงาน ’ศิลปะลวดดัด“ กล่าวแนะนำผู้ที่สนใจ

ใครต้องการติดต่อ ประเวทย์ จิตรเพ็ง ติดต่อได้ที่ โทร. 08-6810-5299 หรือตามเว็บไซต์ข้างต้น ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน“ ที่ยังทำเงินได้ไม่ธรรมดาถ้ามีไอเดียดี รวมถึงกับ ’วาเลนไทน์“ ที่ใกล้จะมาถึง!!.

http://www.dailynews.co.th/article/384/9574

แนะนำอาชีพ "ศิลปะลวดดัด"

Saturday, January 21, 2012

แนะนำอาชีพ 'ขนมอิตาเลี่ยน'

แนะนำอาชีพ 'ขนมอิตาเลี่ยน' สไตล์ญี่ปุ่น ทำเงินไทย ทำอะไรที่สนุก ๆ และเป็นรายได้ได้ด้วย ก็เป็นอีกทางเลือกในการประกอบอาชีพในยุคนี้ ซึ่งกับการทำขนมขายนั้น ปัจจุบันก็มีขนมแปลก ๆ หลายสัญชาติที่คนไทยนิยมทาน อย่าง “ขนม อิตาเลี่ยนสไตล์ญี่ปุ่น” นี่ก็เป็นอีกรูปแบบ ซึ่งวันนี้ “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลมาเล่าสู่ เป็นข้อมูลการทำขนมอิตาเลี่ยนสไตล์ญี่ปุ่น แบรนด์ “คัพปุ คัพปุ (Cuppu Cuppu)”

กมลรัตน์ ภาสวร หรือ หมวยใหญ่ เจ้าของแบรนด์ขนมหวานอิตาเลี่ยนสไตล์ญี่ปุ่นแบรนด์ที่ว่านี้ เล่าว่า เธอทำขนมหวานสไตล์ดังกล่าวนี้มาหลายเดือนแล้ว โดยอาศัยโฆษณาขายผ่านทางเฟซบุ๊ก เนื่องจากยังไม่มีหน้าร้าน ซึ่งหลังจากออกจากงานประจำมานาน ก็มาช่วยกิจการของที่บ้าน ซึ่งเป็นโรงงานขายเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ เมื่อมีเวลาว่างก็ได้ไปท่องเที่ยวบ้าง เรียนภาษาญี่ปุ่นบ้าง และเรียนทำขนม และในที่สุดก็ตัดสินใจทำขนมขาย

“เห็นว่าขนมเค้กแบบทั่ว ๆ ไปมีขายมากอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีสไตล์ที่ใส่ถ้วยที่เป็นแบบที่แปลกออกไปจากเดิม ๆ จึงออกแบบดู และทำขนมหลายอย่างออกมาขาย โดยเริ่มขายให้กับคนรู้จัก ก่อนจะไปเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดี จึงมีกำลังใจที่จะทำต่อไป ซึ่งขนมหวานอิตาเลี่ยนก็มีหลายอย่าง แต่หลัก ๆ ที่ขายดีก็ สตรอเบอรี่ พานาคอตต้า, ราสเบอรี่ เยลลี่ ช็อกโกแลตมูส, บานอฟฟี่ ซึ่งมีลูกค้าสั่งประจำ” กมลรัตน์เล่า

สำหรับอุปกรณ์ทำขนม ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีอยู่บ้างแล้ว อาทิ เตาแก๊ส หม้ออะลูมิเนียมแบบมีด้าม ถาด เครื่องปั่น ฯลฯ ซึ่งถ้าใครมีเครื่องครัวครบถ้วน ก็อาจไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมมากนัก โดยกมลรัตน์บอกว่า ขนมสไตล์นี้แต่ละอย่าง เมื่อทำขายสามารถจะตั้งราคาโดยให้มีกำไรประมาณ 50% จากราคาขาย

ส่วนวิธีทำ เริ่มที่ สตรอเบอรี่ พานาคอตต้า ส่วนผสมก็มี วิปครีม 150 กรัม, นมจืด 75 กรัม, น้ำตาล 40 กรัม, วุ้นเจลาติน 1-2 ช้อนชา วิธีทำก็นำวิปครีม และนมจืด มาผสมรวมกัน นำลงต้มให้ร้อน เสร็จแล้วใส่น้ำตาล และวุ้นเจลาตินลงไป เมื่อเข้ากันแล้วก็ยกขึ้นพักไว้ให้เย็นลง จากนั้นเทใส่ถ้วยพลาสติกขนาด 40 ออนซ์ เสร็จแล้วนำเข้าตู้เย็น แช่เย็นไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จนส่วนผสมแข็งตัว ระหว่างนั้นก็ทำซอสสตรอเบอรี่ ใช้ผลสตรอเบอรี่สด 200 กรัม นำไปปั่นเพื่อเอาแต่น้ำ จากนั้นเติมน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ และเจลาติน 1 ช้อนชาละลายกับน้ำ 3 ช้อนชา คนให้เข้ากัน

เมื่อส่วนผสมของวิปครีมและนมจืดแข็งตัวแล้ว ให้ค่อย ๆ เทซอสสตรอเบอรี่ลงไป พร้อมกับใส่ผลสตรอเบอรี่สด 1 ลูกด้านบน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ขายในราคาถ้วยละ 65 บาท

ต่อไปเป็น ราสเบอรี่ เยลลี่ ช็อกโกแลตมูส ส่วนผสมก็มี เยลลี่ผงรสราสเบอรี่ 1 กล่อง, ดาร์กช็อกโกแลต 100 กรัม, น้ำกาแฟเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ และวิปครีม 200 กรัม วิธีทำ นำผงเยลลี่ละลายน้ำตามสูตรข้างกล่อง จากนั้นเทใส่ถ้วยขนาด 40 ออนซ์ แล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้แข็งตัว ระหว่างนั้นก็ทำในส่วนของช็อกโกแลตมูส โดยนำดาร์กช็อกโกแลตมาละลายผสมรวมกับน้ำกาแฟเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นตีวิปครีมให้ขึ้นฟู แล้วนำส่วนผสมช็อกโกแลตมาตะล่อมตีทีละครึ่งจนหมด

เมื่อเยลลี่ที่แช่เย็นได้ที่แล้ว ก็นำช็อกโกแลต มูสบีบลงบนเยลลี่แช่เย็น เป็นอันเสร็จ ราคาขายถ้วยละ 50 บาท

สุดท้ายเป็น บานอฟฟี่ ส่วนผสมก็มี กล้วยหอม 3-4 ลูก, แครกเกอร์บด 100 กรัม, เนยละลาย 50 กรัม, น้ำตาล 150 กรัม, นมข้นหวาน100 กรัม, ดาร์กช็อกโกแลต 200 กรัม วิธีทำนำแครกเกอร์บดมาคลุกกับเนยละลาย แล้วนำไปอัดใส่ถ้วยพลาสติกขนาด 40 ออนซ์ เสร็จแล้วนำดาร์กช็อกโกแลตมาละลาย แล้วราดบนแครกเกอร์บด

จากนั้นหั่นกล้วยหอมเป็นแว่น ๆ วางทับบนแครกเกอร์ พักไว้ แล้วนำน้ำตาลไปเทในหม้อลนไฟ จนละลายเป็นสีน้ำผึ้ง เทนมข้นหวานเคี่ยวจนเป็นคาราเมล แล้วนำมาราดบนกล้วย ตีวิปครีมให้ขึ้น แล้วบีบลงบนกล้วยที่ราดคาราเมล เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย ขายในราคาถ้วยละ 65 บาท

ใครสนใจ “ขนมอิตาเลี่ยนสไตล์ญี่ปุ่น” ต้องการติดต่อกับ กมลรัตน์ ภาสวร ติดต่อได้ที่ โทร. 0-2331-1521 และ 08-3906-2497 หรือที่ www.facebook.com/cuppujung อีเมล cuppujung@gmail.com ซึ่งนี่ก็เป็นอีกกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” จากขนมต่างชาติ ซึ่งในระยะแรกอาจแค่ทำ สนุก ๆ แต่ถ้าฝึกปรือจนฝีมือดี ๆ ก็อาจทำเงินดี ๆ ได้!!.

ทุนอุปกรณ์ ขึ้นอยู่กับขนาดการทำธุรกิจ

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 50% จากราคา

รายได้ ราคาชิ้นละ 50-65 บาท

แรงงาน 1 คนขึ้นไป

ตลาด ร้านขนมหวาน, ขายในเน็ต

จุดน่าสนใจ สไตล์ต่างชาติเป็นจุดขาย

http://www.dailynews.co.th/article/384/8569

Friday, January 20, 2012

แนะนำอาชีพ 'ฉากโมเดลการ์ตูน'

'ฉากโมเดลการ์ตูน' ทำเงินได้ใช่แค่เล่นขำๆ โมเดลการ์ตูนที่ถูกสร้างขึ้นมาจากการ์ตูนที่ได้รับความนิยม เป็นของสะสมของกลุ่มคนที่ชอบงานโมเดล และยังเป็นสินค้าที่เป็นที่นิยมของเหล่าเด็ก ๆ ซึ่งการ ’รับทำฉากโมเดลการ์ตูน“ ที่เป็นการสร้างฉากให้เข้ากับโมเดลการ์ตูนตามเรื่องราว และให้เข้ากับการ์ตูนเรื่องนั้น ๆ ทำให้การตั้งโชว์โมเดลดูมีสีสันและเรื่องราวมากขึ้นกว่าที่จะตั้งโชว์แต่ การ์ตูนอย่างเดียว นี่เป็นอาชีพที่ต่อยอดจากธุรกิจขายโมเดลการ์ตูน ซึ่งวันนี้ทีม ’ช่องทางทำกิน“ มีข้อมูลมานำเสนอ...

เชี้ยง-จิระเดช ธาดากาญจน์กิจ เจ้าของร้าน “shotoy” ขายโมเดลการ์ตูนอยู่ที่ จ.นครราชสีมา นอกจากจะขายโมเดลการ์ตูนแล้ว ยังต่อยอดธุรกิจด้วยการ “รับทำฉากโมเดลการ์ตูน” อีกด้วย โดยเจ้าตัวเล่าว่า จริง ๆ แล้วเป็นคนที่ชอบโมเดลการ์ตูน ซื้อมาเก็บสะสมไว้ตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่ หลังจากที่เรียนจบมาแล้วก็ยังคงเก็บสะสมมาเรื่อย ๆ

สมัยก่อนนั้นโมเดลการ์ตูนส่วนใหญ่จะมาเป็นแบบกึ่งสำเร็จรูป ต้องนำมาประกอบเอง ทำสีเอง เพื่อให้ได้โมเดลที่เหมือนกับหน้ากล่อง ซึ่งก็จะมีข้อจำกัดสำหรับผู้ที่ไม่มีทักษะเรื่องการประกอบและการทำสี จึงทำให้โมเดลการ์ตูนนั้นได้รับความนิยมเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่ชื่นชอบจริง ๆ จนมาในช่วงหลัง โมเดลการ์ตูนจะออกมาในแบบสำเร็จรูปมากขึ้น ทำให้มีคนเริ่มชอบกันมากขึ้น ตลาดโมเดลก็กว้างมากขึ้น โดยโมเดลที่เป็นพวกซูเปอร์ฮีโร่ หรือการ์ตูนที่ได้รับความนิยมมาก ๆ นั้น จะเป็นตัวโมเดลที่ขายดี

“สำหรับการสร้างฉากโมเดลการ์ตูน ก็ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั้งเด็กและนักสะสมพอสมควร เพราะทำให้ตัวโมเดลมีเรื่องราวมากขึ้น ดีกว่าไปตั้งโชว์แบบยืนเฉย ๆ ซึ่งฉากที่ทำขึ้นมานั้นจะต้องอิงกับโมเดลการ์ตูนนั้น ๆ อย่างการ์ตูนเรื่องวันพีชที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทะเล ก็ต้องทำฉากให้เป็นทะเล ถ้าเป็นเซนต์เซย่า ก็จะทำฉากให้ดูเป็นปราสาท เป็นต้น”

จิระเดช บอกต่อไปว่า... ส่วนใหญ่ฉากต่าง ๆ ที่จะทำ ก็จะใช้วิธีดูจากข้อมูลของตัวโมเดล ข้อมูลที่ต้องการก็หาจากอินเทอร์เน็ต ดูรูปจริงมาเป็นแบบ ส่วนการลงสีทำฉากต้องลงสีแบบการ์ตูน คือต้องให้ดูสดใส สีสันสวยงาม ไม่ลงสีซีด

วัสดุที่ใช้ทำฉากนั้น หลัก ๆ ก็จะเป็นพวก... โฟม (สำหรับขึ้นโครง), กาวลาเท็กซ์, ลวด, ผ้า, เรซิ่น, สีอะคริลิก และอุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับตกแต่งฉาก

ขั้นตอนการทำก็เริ่มจาก... เลือกฉากที่จะทำ อย่างลูกค้าต้องการฉากที่เป็นทะเล เราก็ทำการหาฉากจากอินเทอร์เน็ต เมื่อได้แบบแล้ว ก็มาทำการวาดลงบนกระดาษก่อน แล้วก็นำไปให้ลูกค้าดู เมื่อลูกค้าตกลงชอบฉากที่เราออกแบบแล้ว จากนั้นก็ลงมือทำฉากได้ โดยเริ่มจากนำไม้สำหรับทำกรอบผ้าใบวาดภาพมาทำให้เป็นกรอบตามขนาดที่กำหนด เพื่อกำหนดอาณาเขตของฉาก จากนั้นก็เลือกโฟม ใช้โฟมขนาดความหนาที่แตกต่างกัน มาทำการขึ้นรูปให้เป็นพื้นชายหาด ใช้คัทเตอร์ปาดตัดตกแต่งให้ได้รูปแบบที่ต้องการ โดยให้พื้นลาดเอียงเหมือนพื้นทรายชายหาดที่ลาดลงทะเล

พอทำการตกแต่งโฟมเป็นพื้นเรียบร้อยแล้ว ก็นำกาวลาเท็กซ์มาทาลงด้านบนของพื้นโฟม จากนั้นก็นำทรายละเอียดที่ร่อนแล้วมาทำการโรยทับลงบนกาวที่ทาไว้ให้ทั่วจน เต็มพื้นที่ เราก็จะได้หาดทรายเหมือนทะเล จากนั้นก็ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยการเอาหินและเม็ดกรวดมาวางเรียงตามที่ออกแบบ ไว้

ขั้นตอนต่อไปคือการทำน้ำทะเล ใช้วิธีผสมเรซิ่นและใส่สีน้ำเงินลงไปผสมให้เรซิ่นเป็นสีน้ำทะเล (สีที่ใช้ผสมเป็นสีสำหรับผสมเรซิ่นโดยเฉพาะ) เมื่อทำการผสมเรียบร้อยแล้วก็เทราดลงไปในกรอบให้ต่อจากส่วนที่เป็นชายหาด ทำให้เรซิ่นดูเป็นคลื่นคล้ายทะเลด้วย ไม่ใช่เทราดแล้วทำให้พื้นน้ำเรียบ ๆ เพราะจะดูไม่สมจริง

จากนั้นก็ทำต้นมะพร้าวประกอบฉากเข้าไปอีก โดยใช้กิ่งไม้นำมาพันด้วยผ้าที่มีสีใกล้เคียงกับต้นมะพร้าวจริง ๆ ทำการพันให้เรียบร้อย สำหรับส่วนใบมะพร้าวจะใช้เป็นลวดและผ้าสีเขียวตัดเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ใช้ 2 ชิ้นประกบลงบนลวด ใช้กรรไกรตัดให้เป็นริ้ว ๆ คล้ายก้านมะพร้าว นำไปประกอบเข้ากับต้น ต้นหนึ่งจะใช้ประมาณ 6-7 ใบ แล้วนำต้นมะพร้าวไปติดลงบนพื้นฉาก นำโมเดลการ์ตูนมาวางตามจุดต่าง ๆ ในฉาก เท่านี้ก็เรียบร้อยสำหรับฉากทะเล

ถ้าเป็นฉากที่เป็นตึก ก็จะใช้วิธีการขึ้นรูปตึกด้วยโฟม จากนั้นก็จะใช้ยิปซัมที่ไว้ฉาบแผ่นฝ้ามาทำการฉาบลงบนโครงโฟม จากนั้นก็ลงสีด้วยการเพ้นท์หรือลงแอร์บรัชก็ได้
ทั้งนี้ การลงทุนเปิดร้านขายโมเดลนั้น ค่อนข้างที่จะต้องใช้ต้นทุนสูง แต่การ ’รับทำฉากโมเดลการ์ตูน“ ไม่ต้องลงทุนสูงก็สามารถทำได้ โดยประกาศรับทำผ่านเว็บไซต์ แต่ก็อาจจะมีข้อเสียอยู่บ้างตรงที่ลูกค้าอาจไม่ค่อยมั่นใจ ส่วนการเปิดร้านขายโมเดลแล้วรับทำฉากโดยมีชิ้นงานวางโชว์ด้วย ก็จะได้รับความเชื่อถือมากกว่า แต่ก็ใช้ต้นทุนที่สูงหน่อย

สำหรับราคาของฉากที่ทำนั้น ขึ้นอยู่กับความละเอียดของงาน บวกกับขนาดที่ทำ ราคาก็มีตั้งแต่หลัก 100 บาท ไปจนถึงหลัก 1,000 บาทขึ้นไป ซึ่งนอกจากจะขายโมเดลการ์ตูนและรับทำฉากโมเดลแล้ว ธุรกิจนี้ยังมีบริการเซอร์วิสอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรับซ่อมโมเดล ทำสีในส่วนที่ชำรุดของโมเดล รับดัดแปลงอะไหล่ของโมเดลให้อยู่ในสภาพเหมือนเดิม ฯลฯ

เชี้ยง-จิระเดช เปิดร้าน “shotoy” อยู่ที่เลขที่ 28 ถนนพลแสน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนสุรนารี เบอร์โทรศัพท์ 08-3934-5558, 0-4424-3574 เว็บไซต์ www.shotoy.com,facebook.com/shotoyshop ซึ่งจากกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ก็จะเห็นได้ว่า แค่โมเดลการ์ตูนก็ยังต่อยอดทำธุรกิจได้อย่างน่าสนใจไม่น้อยเลย.

แนะนำอาชีพ 'ฉากโมเดลการ์ตูน' http://www.dailynews.co.th/article/384/8383

Sunday, January 15, 2012

แนะนำอาชีพ 'เค้กโรลสายรุ้ง'

แนะนำอาชีพ 'เค้กโรลสายรุ้ง' การประกอบอาชีพในยุคนี้จำเป็นต้อง “มีจุดขาย” เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด อย่างอาชีพขาย “เบเกอรี่” ที่เป็นอาชีพในฝันของใครหลายคน บ้างอยากเปิดร้านเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง บ้างก็ฝันอยากทำอยู่ที่บ้านแล้วส่งขายตามที่ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งรอออร์เดอร์จากเพื่อนฝูงสั่งมาแล้วจึงลงมือทำขาย ซึ่งเส้นทางที่จะไต่ไปถึงฝันนั้นอาจมีอุปสรรค ยากหรือง่ายแตกต่างกันออกไป วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลอาชีพทำเบเกอรี่ขาย ที่มีจุดขาย มาให้ลองพิจารณากัน…

ป้าตุ๊-ยุพา กนิษฐนาคะ วัย 82 ปี, ป้าเล็ก-กนิษฐา เทวกุล อายุ 76 ปี และ พี่ต้อย-สิริมา พงษ์ประสพ ทั้งสามเป็นญาติกัน พักอาศัยอยู่รั้วบ้านเดียวกัน กิจกรรมยามว่างที่มักทำร่วมกันเสมอคือการทำขนม แจกจ่ายทานกันเองในหมู่ญาติพี่น้อง และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนฝูงคนรู้จัก ด้วยความอร่อยที่กลมกล่อม ประกอบกับหน้าตาของขนม คนที่รับประทานแล้วมักจะติดใจ ถามหาร้านที่ขาย ครั้นรู้ว่าทำเองก็พูดกันปากต่อปาก แล้วแอบโทรฯสั่งกันมาก

นี่คือจุดเริ่มต้นของบ้านขนม “เอื้ออารี เบเกอรี่”

ป้าตุ๊ หนึ่งในสมาชิกบ้านขนมแห่งนี้ เล่าว่า ครอบครัวของเธอเป็นคนจังหวัดเพชรบุรี ด้วยสายเลือดคนเมืองเพชรที่ชอบทำขนมมาตั้งแต่รุ่นคุณทวด คุณยาย จนถึงคุณแม่ซึ่งก็ชื่นชอบการทำขนมมาก เลยสืบทอดมาจนถึงลูกหลาน

“ลูกหลานผู้หญิงทำขนมเป็นกันหมดทุกคน เรียกว่าเป็นไปโดยอัตโนมัติ อาศัยว่าเราเห็นคุณแม่ทำบ่อย ๆ มันก็ซึมซับเข้ามาเอง เรียกว่าครูพักลักจำ การทำขนมไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่เพราะมีพื้นฐานทางด้านนี้อยู่แล้ว พอได้สูตรขนมเราก็จะนำมาประยุกต์ ชอบพลิกแพลงขนมให้มีความอร่อยและแปลกกว่าที่คนอื่นทำ ช่วงวันหยุดลูกหลานก็ช่วยกันทำ แล้วช่วยกันชิมช่วยกันติเพื่อนำไปแก้ไข อย่างปีนี้ เค้กโรลสายรุ้ง มีคนสั่งเยอะมากจนทำแทบไม่ไหว ตามด้วยทอฟฟี่เค้กและซาลาเปา เราเน้นความสะอาด ของที่ใช้ก็ต้องเกรดเอเท่านั้น” ป้าตุ๊บอก

สำหรับ “เค้กโรลสายรุ้ง” อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำก็เป็นอุปกรณ์ในการทำเบเกอรี่ทั่วไป ส่วนผสมตัวเค้กโรล หลัก ๆ จะใช้แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก, น้ำตาลทราย, ไข่ไก่, วานิลลาชนิดผง, เกลือป่น, ผงฟู, เอสพี, เนยสดชนิดเค็มละลาย, นมข้นจืด และสีผสมอาหาร ส่วนผสมในการทำบัตเตอร์ครีม ก็ใช้ เนยขาว เนยสดชนิดเค็ม น้ำตาลไอซิ่ง วานิลลาชนิดผง

ขั้นตอนการทำเค้กโรลสายรุ้ง สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือต้องทำบัตเตอร์ครีม โดยนำเนยสดชนิดเค็มกับเนยขาวมาใส่ลงในอ่างผสมแล้วตีจนขึ้นฟูเบา เติมน้ำตาลไอซิ่งลงไป ตามด้วยวานิลลาชนิดผง ตีจนส่วนผสมครีมเข้ากันดี ตั้งพักไว้
การทำตัวเค้กโรล ต้องนำแป้งสาลีที่เตรียมไว้ผสมกับผงฟูร่อน 3 ครั้ง แล้วตั้งพักไว้ก่อน

ตอกไข่ไก่ใส่อ่างผสม ตามด้วยน้ำตาลทราย และเอสพีทำการตีส่วนผสมทั้งหมดจนข้นขาว เสร็จแล้วนำส่วนผสมแป้งกับผงฟูที่ร่อนเตรียมไว้มาใส่ ค่อย ๆ ตะล่อมเบา ๆ พอเข้ากัน แล้วตีด้วยความเร็วสูงสุด 5 นาที แล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วต่ำ ใส่นมข้นจืด และวานิลลา ตีให้ส่วนผสมเข้ากัน พอส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ค่อย ๆ เทเนยละลายลงไป คนพอเข้ากัน จากนั้นก็แบ่งส่วนผสม แต่งกลิ่นใส่สีผสมอาหารตามชอบ เช่น สตรอเบอรี่ก็จะเป็นสีชมพู, ใบเตยสีเขียว, วานิลลาสีเหลืองนวล และสีน้ำตาลเป็นกาแฟ

เทแป้งที่ผสมเรียบร้อยแล้วใส่ถาดอบขนมแบบขอบตื้นที่รองด้วยกระดาษไข (ไม่ต้องทาเนย) นำเข้าเตาอบ 180-190 องศาเซลเซียส ประมาณ 10-12 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง อบจนสุก นำออกมาคว่ำบนตะแกรง แล้วลอกกระดาษไขออก พักไว้จนเย็น วางด้านที่จะโชว์คว่ำบนกระดาษไข แล้วทาหน้าขนมด้วยบัตเตอร์ครีมบาง ๆ วางตัวเค้กสลับสีและบัตเตอร์ครีมเป็นชั้น ๆ เสร็จแล้วใช้เครื่องตัดขนมตามขวาง กว้าง 1/2 นิ้ว
การม้วนเค้กโรล นำตัวขนมเค้ก 1 ส่วน ใช้บัตเตอร์ครีมยากับส่วนที่ 2 (แต่ละส่วนจะมี 4 ชั้น 4 สี 4 กลิ่น) สอดไม้ม้วนเค้กโรลใต้กระดาษ เพื่อช่วยพยุงในการม้วน แล้วดันเค้กไปด้านหน้าพร้อมกับไม้ม้วนเค้กโรล เมื่อเค้กพับไปด้านหน้าให้ม้วนกระดาษมาด้านหลังพันกับไม้ม้วนเค้กโรล และกดให้แน่น เสร็จแล้วนำไปใส่ในตู้เย็นเพื่อให้เซตตัว ก่อนจะนำออกมาตัดเป็นชิ้น ๆ ตามที่ต้องการ โดย “เค้กโรลสายรุ้ง” จะมีสีสันสวยงาม หน้าตาน่ารับประทาน มีจุดขาย

ราคาขายนั้นมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ มีทั้งกล่องกระดาษรูปแชมเปญ กล่องไม้จักสาน ตะกร้า และกระจาดไม้จักสาน ราคาต่อชุดมีตั้งแต่ 185 บาท ขึ้นไปจนถึง 480 บาท

ป้าตุ๊ยังบอกเทคนิคการทำเค้กหรือขนมให้อร่อยด้วยว่า ต้องตั้งใจทำ วัตถุดิบต้องเป็นของดี ทั้งนี้ นอกจากเค้กโรลสายรุ้งแล้ว บ้านเอื้ออารี เบเกอรี่ ยังมีขนมอื่น ๆ อีกหลายอย่าง อาทิ บราวนี่ ทอฟฟี่เค้ก คุกกี้ ซาลาเปา บลูเบอร์รี่พาย

บ้านขนมบ้านนี้อยู่ที่เลขที่ 35/9 ซอยเรวดี 21/1 สระว่ายน้ำเอื้ออารี ถนนติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี โทร.0-2588-3993, 08-1813-5245, 08-6323-3389, 08-1834-3553 ซึ่งทั้งทำขายเอง และรับสั่งเป็นอาหารว่างงานสัมมนา งานสังสรรค์ต่าง ๆ และทำเป็นชุดของฝากของขวัญในช่วงเทศกาล ทั้งนี้ นี่ก็เป็นอีกกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” ที่น่าพิจารณา.

แนะนำอาชีพ 'เค้กโรลสายรุ้ง' http://www.dailynews.co.th/article/384/7442

Friday, January 13, 2012

แนะนำอาชีพ 'รับจัดงานทำบุญ'

หลายธุรกิจสินค้าและบริการเกิดใหม่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มักเกิดจากการมองหาโอกาสในตลาด สังเกตความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของลูกค้า ไม่เว้นแม้แต่การทำบุญ ซึ่งก็มีธุรกิจให้บริการเกี่ยวกับการรับจัดงานในด้านนี้เกิดขึ้น เป็นการตอบสนองวิถีชีวิตผู้คนในยุคปัจจุบัน วันนี้ทีม ’ช่องทางทำกิน“ มีข้อมูลธุรกิจ ’รับจัดงานทำบุญ“ มานำเสนอ...

“ชลธิชา พร้อมพิพัฒนา” เจ้าของงานบริการ “รับจัดงานทำบุญ” เล่าว่า บริการรับจัดงานทำบุญเป็นอีกธุรกิจหนึ่งของตนที่แตกสายงานออกมาจากงานด้านออ แกไนเซอร์ ที่รับจัดงานหรือจัดกิจกรรมให้กับองค์กร บริษัทต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่ลูกค้ามักจะถามทุกครั้งว่าเธอสามารถที่จะจัดงานทำบุญเลี้ยงพระไป พร้อม ๆ กันได้ด้วยหรือไม่

หลังจากงานแรกที่เริ่มทำ ซึ่งเป็นงานเปิดตัวลูกค้าโครงการบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ต่อมาก็เริ่มมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากการที่ลูกค้าไปเห็นรูปแบบและเกิดสนใจ จึงมองว่าในตลาดยังมีธุรกิจที่ให้บริการเกี่ยวกับงานด้านนี้น้อย ขณะที่ความต้องการของตลาดปัจจุบันมีมาก ซึ่งน่าจะสามารถนำความชำนาญเกี่ยวกับการจัดงานต่าง ๆ ที่เคยทำ มาประยุกต์ปรับใช้ได้ จึงเปิดให้บริการรับจัดงานทำบุญแบบครบวงจรขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “วันทำบุญ (Onethumboon)” และลงประกาศให้บริการผ่าน www.facebook.com/pages/Thumboon อีกช่องทางหนึ่ง โดยปัจจุบันเปิดให้บริการมาประมาณ 5 ปีแล้ว

ลูกค้าก็มีตั้งแต่บริษัทไปจนถึงลูกค้าส่วนบุคคล

การให้บริการนั้น ชลธิชาบอกว่า จะเน้นที่งานทำบุญและงานมงคลเป็นหลัก อาทิ งานทำบุญเลี้ยงพระเช้า เลี้ยงพระเพล ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญวันเกิด ทำบุญเปิดบริษัทห้างร้าน ทำบุญคอนโด ทำบุญหมู่บ้าน ทำบุญประจำปี การทำบุญในโอกาสต่าง ๆ จุดเด่นของธุรกิจนี้ เธอบอกว่า อยู่ที่การขายความสะดวกสบาย ประหยัดเวลาให้กับลูกค้า เพราะลูกค้าไม่ต้องเตรียมอะไรเลย ซึ่งเมื่อลูกค้ากำหนดความต้องการได้แล้ว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของทีมงานที่จะจัดหา จัดทำให้ครบหมดทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีเจ้าหน้าที่ดำเนินพิธีการ ดูแล และคอยให้คำแนะนำในเรื่องพิธีสงฆ์ บริการจัดส่ง จัดเตรียม และเก็บอุปกรณ์ การนิมนต์พระสงฆ์พร้อมรถตู้รับส่ง การจัดอาหาร และชุดสังฆทาน เป็นต้น

“อุปกรณ์หลัก ๆ ประกอบด้วย อุปกรณ์สำหรับพิธีสงฆ์, ชุดโต๊ะหมู่บูชา, อุปกรณ์เครื่องเจิม, เครื่องสังฆทานถวายพระ, สำรับใส่อาหารถวายข้าวพระ และอุปกรณ์ตกแต่งประดับสถานที่อื่น ๆ ตามที่ลูกค้ากำหนดหรือต้องการ”

ทุนเบื้องต้นในการเริ่มต้นทำธุรกิจนี้ ใช้เงินลงทุนประมาณ 100,000 บาท ทุนหมุนเวียนในการจัดงานต่อครั้ง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณต่ำกว่า 10,000 บาท ไปจนถึง 10,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับรายละเอียดต่าง ๆ ของงานที่ลูกค้าต้องการ ส่วนรายได้หรือราคาบริการเริ่มตั้งแต่ต่ำสุดที่ 9,999 บาท ไปจนถึง 19,999 บาท ซึ่งราคานี้จะไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เจ้าภาพจะเป็นคนเตรียมเอง อาทิ เงินสำหรับใส่ซองถวายพระ หรือค่าอาหารนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ เป็นต้น

ขั้นตอนการจัดงาน เริ่มจากการสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ตามความต้องการของลูกค้า เช่น วัน เวลา สถานที่, อาหารเครื่องคาวหวานที่จะใช้เลี้ยงพระ และเลี้ยงแขกในงาน, การตกแต่งสถานที่ ฯลฯ เมื่อรับทราบความต้องการทั้งหมดของลูกค้าแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนการเตรียมงาน โดยเริ่มตั้งแต่ติดต่อนิมนต์พระ อาจจะจากวัดที่ลูกค้ากำหนดมา ตรวจเช็กอุปกรณ์ที่จำเป็นว่ามีรายการใดบ้างที่จำเป็นต้องใช้ โดยก่อนหน้าวันงานจะต้องเดินทางไปสำรวจสถานที่ที่จะใช้จัดงานก่อน เพื่อตรวจดูความเหมาะสมว่าการจัดวางสิ่งของเครื่องใช้อย่างไร หลังจากนั้นก็จะจัดเตรียมสิ่งของให้ครบ โดยในวันงานทีมงานจะต้องเดินทางถึงสถานที่ก่อนเวลาจัดงาน เพื่อจัดเตรียมสถานที่ และกำหนดจุดต่าง ๆ เมื่อจัดวางสิ่งของและเครื่องใช้ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ทำการตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ อีกครั้ง จากนั้นรอเวลาเพื่อเข้าสู่พิธีการ หลังเสร็จพิธีการทีมงานก็จะทำการเก็บอุปกรณ์และตรวจเช็กให้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จขั้นตอนการให้บริการ

“หลัก ๆ จะมีขั้นตอนการเตรียมงานประมาณนี้ ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงและความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งทั้งหมดสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด” ชลธิชากล่าว พร้อมแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจว่า งานบริการด้านนี้ถือเป็นงานบริการใหม่ที่น่าสนใจ เพราะเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองวิถีชีวิตผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะคนในเมืองใหญ่ ซึ่งผู้ที่สนใจจะศึกษางานบริการด้านนี้ก็ต้องเริ่มจากความสนใจและมีใจรัก งานบริการก่อน เพราะเป็นงานที่ต้องขยัน อดทน เพราะกลุ่มลูกค้ามีหลากหลาย นอกจากนี้ สิ่งที่ควรมีก็คือ ควรจะมีความรู้ในเรื่องพิธีการต่าง ๆ จึงจะเป็นการดี

“จะเรียกว่างานบริการด้านนี้เปรียบเสมือนการเป็นมัคนายกไฮเทคก็ว่าได้ เพราะการบริการแทบไม่แตกต่างจากหน้าที่ของมัคนายกในแบบปกติที่เราคุ้นเคย เพียงแต่เราจะเน้นในเรื่องของการให้บริการ การตกแต่งจัดสถานที่ให้สวยงาม และการสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น” เจ้าของธุรกิจบริการ “รับจัดงานทำบุญ” กล่าว

ใครสนใจติดต่อชลธิชา ติดต่อได้ที่ โทร. 08-9132-6776 หรือทางอีเมล ningnueng@hotmail.com ทั้งนี้ ธุรกิจบริการ ’รับจัดงานทำบุญ“ นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจงานบริการแปลกใหม่ ที่เกิดขึ้นมาจากการวิเคราะห์และมองหาโอกาส จนเป็น ’ช่องทางทำกิน“ ที่ตอบโจทย์สำหรับลูกค้าในยุคปัจจุบัน ได้อย่างน่าสนใจไม่น้อยเลย.

http://www.dailynews.co.th/article/384/7332

Saturday, January 7, 2012

แนะนำอาชีพ 'สวนผักดาดฟ้า'

แนะนำอาชีพ 'สวนผักดาดฟ้า' ช่องทางทำกิน” วันนี้ทางทีมงานมีข้อมูลการทำ “สวนผักดาดฟ้า” มานำเสนอให้ลองพิจารณากัน ซึ่งเป็นการประยุกต์ดัดแปลงทำสวนผักแปลงผักต่าง ๆ ให้เข้ากับสถานที่ที่มี ซึ่งอาจจะเพื่อบริโภคเอง หรือเพื่อขายก็ยังได้…

“สวนผักดาดฟ้า” เป็นอีกแนวคิดในการทำเกษตรกรรมแบบประยุกต์ในเมือง ที่ทำให้สวนผักกับคนเมืองไม่ใช่เรื่องที่ไกลกัน ซึ่ง ดร.กนกรัตน์ ยศไกร รองผู้อำนวยการศูนย์สำนักวิทยบริการ และเทคโนโลยีสารสนเทศ และ อัญชนา ธาตุบุรมย์ หัวหน้าฝ่ายวิทยบริการ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ได้ให้ข้อมูลการทำสวนผักดาดฟ้า ซึ่งทางฝ่ายวิทยบริการได้ใช้ดาดฟ้าของอาคารสำนักวิทยบริการ และเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นสถานที่ทำแปลงผักมาแล้ว 1 ปี ซึ่งได้ผลดี และเก็บผลผลิตบริโภคได้สำหรับทุกคน เมื่อเหลือจากการแบ่งกันบริโภคแล้วก็ขายได้ในราคาไม่แพงอีกด้วย

ดร.กนกรัตน์ กล่าวว่า บนดาดฟ้าของอาคารมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างมาก สามารถปลูกผักได้ถึง 14 แปลง ขนาดแปลงละ 1x3 เมตร สูง 1 ฟุต และโครงเหล็กสำหรับไม้เลื้อยขนาดกว้าง 3 เมตร สูง 2.3 เมตร จำนวน 8 โครง ล้อมรอบแปลงเป็นตัวยู หรือแบบครึ่งวงกลม

ขั้นตอนการทำแปลงผัก อัญชนา เล่าว่า วัสดุที่ใช้ในการทำจะใช้ชั้นวางหนังสือของห้องสมุดที่ไม่ใช้แล้ว ร้อยต่อกันด้วยลวด ปิดด้านมุมด้วยแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดทั้ง 4 มุม หนุนด้านข้างด้วยอิฐบล็อกข้างละ 4 ก้อน 2 ข้าง เพื่อกันไม่ให้ล้ม และปักมุมด้วยไม้ยาว ทั้ง 4 ด้าน

เริ่มทำสวนผักดาดฟ้าแรก ๆ เริ่มต้นด้วยแปลง ผักบุ้งจีน, ผักคะน้า, ผักกวางตุ้ง ส่วนไม้เลื้อยก็ปลูก ฟักทอง, บวบ, ถั่วฝักยาว, มะระ ปลูกตามเสาของโครงเหล็ก

เตรียมแปลงผักด้วยการเตรียมดิน รองพื้นด้วยกระสอบ, กาบมะพร้าว (เพื่อกันร้อน) และดิน ตามลำดับ จากนั้นในกรณีผักบุ้งจีนก็หว่านเมล็ดลงไปในแปลงได้เลย ส่วนผักคะน้าและผักกวางตุ้งให้เพาะต้นอ่อนในถาดหลุม 2-3 วันเพื่อให้ต้นแทงยอดขึ้น แล้วจึงนำต้นกล้าไปเพาะลงในแปลง รดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เสริมด้วยการรดฮอร์โมน อาทิ ฮอร์โมนไข่ ฮอร์โมนกุ้ง ที่ซื้อมาเพิ่มเติม โดยรดในช่วง 2 สัปดาห์แรก เช้า-เย็นเช่นกัน

แนะนำอาชีพ 'สวนผักดาดฟ้า' นอกจากนี้ ยังสามารถปลูก กะเพรา แมงลัก ในกระถาง วางตามหัวแปลง ซึ่งช่วยไล่ศัตรูพืชได้ด้วย

สำหรับไม้เลื้อย ฟักทอง, บวบ, ถั่วฝักยาว, มะระ ให้ปลูกในกระถางแล้ววางตามเสาของโครงเหล็ก รดน้ำเช้า-เย็นเช่นกัน และเสริมด้วยการรดฮอร์โมน ไข่ ฮอร์โมนกุ้ง โดยรดในช่วง 2 สัปดาห์แรก เช้า-เย็นเช่นเดียวกับการรดแปลงผัก

แปลงผักบุ้ง จะเก็บผลผลิตได้ในสัปดาห์ที่ 3 ให้ค่อย ๆ ทยอยเก็บ ซึ่งผักบุ้งในรอบที่ 2 สามารถเก็บผลผลิตได้อีกแค่ 30% จึงต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ ส่วนผักคะน้า และผักกวางตุ้ง จะเก็บได้ในสัปดาห์ที่ 4 และผลผลิตในรอบต่อไปจะเก็บได้ราว 30% เช่นกัน ถ้าจะปลูกซ้ำก็จะต้องเปลี่ยนแปลงใหม่

กรณีไม้เลื้อย เก็บผลผลิตได้เมื่อ 1 เดือนผ่านไปแล้ว โดยเก็บได้แค่ครั้งเดียว ถ้าลงใหม่ก็ต้องลงเมล็ดใหม่อีกรอบ

อัญชนา บอกว่า วิธีการเก็บผลผลิตพืชผักทุกชนิดคือถอนขึ้นมาทั้งรากเลย ถ้ามีศัตรูพืชลงแปลงผัก ถ้าไม่มากให้ดึงใบที่เสียออกเลย ถ้ามากก็ให้ฉีดด้วยใบยาสูบผสมน้ำ หรือจะเอาน้ำสบู่ลูบที่ใบก็ได้ แต่จะไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเด็ดขาด

เมล็ดผักบุ้งจีน 1 กก. จะเพาะได้ 4 แปลง ส่วนเมล็ดผักคะน้า และเมล็ดผักกวางตุ้ง จำนวน 1 ถุง จะเพาะได้ 2 แปลง ส่วนผักไม้เลื้อย จะปลูกได้ถุงละ 1 กระถาง เพราะไม่ได้มีเมล็ดจำนวนมากต่อถุง

อัญชนา บอกอีกว่า การเก็บผลิตนั้น จะเก็บให้พอบริโภคก่อน ส่วนที่เหลือจึงจะนำออกขาย โดยแต่ละรอบของแปลงผักจะลงทุนประมาณ 200-300 บาท ส่วนผักที่เหลือจากการเก็บให้เพียงพอบริโภคของกว่า 40 ชีวิต จะขายได้แต่ละรอบประมาณ 900-1,000 บาท ซึ่งก็นับว่าเป็นรายได้เสริมที่ไม่เลวเลย โดยรายได้ส่วนมากจะได้จากผักคะน้า ผักบุ้ง และผักกวางตุ้ง ส่วนผักไม้เลื้อยส่วนใหญ่จะเก็บบริโภคเอง

ต้นทุนในการลงทุนทำแปลงผักครั้งแรกนั้น ประมาณ 20,000 บาท โดยต้นทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนทำโครงเหล็ก ส่วนแปลงผักมีวัสดุของตัวเองอยู่แล้ว จึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากนัก

ใครสนใจเรื่องการทำ “สวนผักดาดฟ้า” อยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอดูตัวอย่าง ติดต่อ ดร.กนกรัตน์ ยศไกร และ อัญชนา ธาตุบุรมย์ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1619-1684 และ 08-7082-1266 ตามลำดับ ซึ่งสวนผักดาดฟ้านี้อาจจะเป็น “ช่องทางทำกิน” แบบ “สร้างรายได้เสริม” ที่ดี โดยที่ไม่ต้องกลัว “น้องน้ำ” แต่อย่างใด.

ที่มา แนะนำอาชีพ 'สวนผักดาดฟ้า' http://www.dailynews.co.th/article/384/6463

Friday, January 6, 2012

แนะนำอาชีพ ‘ตัวหนีบไม้การ์ตูน’

แนะนำอาชีพ ‘ตัวหนีบไม้การ์ตูน’ อาชีพงานฝีมือ งานประดิษฐ์ งานแฮนด์เมด ในปี 2555 ก็จะยังคงเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับคนที่มีความคิดใหม่ ๆ มีไอเดียริเริ่มสร้างสรรค์ในการสร้างผลงาน ได้เป็นอย่างดี และถึงแม้ว่างานประเภทนี้จะมีการแข่งขันในตลาดสูง แต่ถ้าสามารถสร้างชิ้นงานที่มีเอกลักษณ์ สินค้าโดดเด่น รู้จักจับจุดตลาด หาจุดขาย อาชีพนี้ก็ยังทำเงินได้ตลอด และวันนี้ทางทีมงาน “ช่องทางทำกิน” ก็หยิบยกงานฝีมือ งานไอเดีย “ตัวหนีบไม้การ์ตูน” มานำเสนอให้พิจารณากัน...

.........................................

“ตัวหนีบไม้การ์ตูน” นำตัวหนีบไม้มาตกแต่งด้วยการ์ตูนรูปต่าง ๆ ลวดลายนารัก ๆ และก็ต่อยอดไปทำเป็นสินค้าอื่น ๆ ได้อีกหลากหลาย เป็นการสร้างจุดขาย เพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี

พงศ์พิชา ชาตเสรีย์ สร้างสรรค์ตัวหนีบไม้การ์ตูน ภายใต้แบรนด์ “cool clamp” ออกจำหน่าย เจ้าตัวเล่าว่า ทำงานประจำอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง สำหรับงานไม้หนีบนี้ทำเป็นอาชีพเสริม โดยใช้เวลาว่างจากงานประจำ จุดเริ่มต้นที่สนใจทำธุรกิจเสริมตัวนี้เกิดจากการที่เคยได้ไม้หนีบที่ติด ตุ๊กตาเป็นของขวัญจากเพื่อน แล้วก็เห็นว่าเป็นสินค้าที่น่ารัก ที่สำคัญเจ้าไม้หนีบนี้มันสามารถนำมาใช้สอยให้เกิดประโยชน์ได้หลายอย่าง ทำให้เกิดความสนใจในตัวไม้หนีบขึ้นมา ก็เริ่มออกตระเวนหาซื้อไปทั่ว รวมทั้งเปิดหาตามอินเทอร์เน็ต แต่ปรากฏว่าไม่ค่อยมีใครขาย

เมื่อค้นหาจนทั่วแล้วไม่ค่อยมีคนขาย จึงเกิดไอเดียความคิดที่จะลองนำไม้หนีบมาขาย เพราะเป็นคนที่ชอบขายของอยู่แล้ว และก็ชอบงานแฮนด์เมดมากด้วย เพราะคิดว่าน่าจะมีคนที่ชอบเหมือนกับเราอีกมาก จึงน่าจะเป็นสินค้าที่ขายได้ เป็นงานที่ทำไม่ยาก และที่สำคัญเมื่อมีคนขายน้อยก็ทำให้คู่แข่งทางการตลาดมีไม่มากอีกด้วย

เริ่มตระเวนหาแหล่งที่ขายไม้หนีบ จนได้ไปเจอกับโรงงานที่ทำ จากนั้นก็เริ่มรับตัวหนีบไม้ที่เป็นสีสันต่าง ๆ มาขาย และเนื่องจากทำงานประจำอยู่ จึงขายผ่านทางอินเตอร์เน็ต เนื่องจากเป็นช่องทางขายที่สะดวก ไม่ต้องมีหน้าร้าน

“เริ่มจากการนำตัวหนีบไม้ที่เป็นสีสันต่าง ๆ มาขายอย่างเดียว จากนั้นก็เริ่มต่อยอด โดยนำตัวหนีบไม้เปล่ามาใส่ไอเดียความคิดสร้างสรรค์เข้าไปให้เกิดเป็นชิ้นงาน ใหม่ ๆ ขึ้นมา ทำให้สินค้ามีความหลากหลาย มีหลายรูปแบบ ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้น และที่สำคัญเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าอีกด้วย”

การต่อยอดสร้างผลงานบนสินค้าอย่างไม้หนีบของพงศ์พิชา เริ่มจากการนำไม้หนีบมาทำการเพ้นท์ลวดลาย โดยใช้สีน้ำมันในการเพ้นท์เป็นลวดลายต่าง ๆ ให้สวยงามตามความคิดของตัวเอง จากนั้นสินค้าก็เริ่มมีการทำออกมาหลากหลายขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำตัวการ์ตูนลายต่าง ๆ ที่ดูแล้วน่ารัก ๆ มาติดบนไม้หนีบให้เกิดความสวยงาม

แต่เนื่องจากการที่จะต้องทำการเพ้นท์สีลงไม้หนีบ หรือการที่จะต้องมาฉลุไม้ให้เป็นรูปการ์ตูน ทำให้ใช้เวลาในการทำมาก จึงเริ่มมองหาวิธีที่ไม่ต้องเสียเวลาในการทำมาก ก็คือการสั่งซื้อตัวการ์ตูนไม้สำเร็จรูปมาติดเลย เป็นการลดเวลาในการทำไปได้มาก และก็นำไม้หนีบที่ติดการ์ตูนไปสร้างสรรค์เป็นสินค้าอื่น ๆ เพิ่มมูลค่าได้อีกหลายรูปแบบ

“การสั่งซื้อตัวหนีบไม้และตัวการ์ตูนไม้ที่นำมาทำนั้น สั่งซื้อจากต่างประเทศ เพราะเรื่องคุณภาพของงานจะดี ที่สำคัญมีราคาที่ถูกกว่าสั่งซื้อในประเทศไทย แต่ก็จะต้องสั่งในปริมาณที่มากถึงจะคุ้ม แต่สำหรับคนที่ไม่มีช่องทางที่จะสั่งจากต่างประเทศ ก็หาซื้อในบ้านเราก็ได้ เรื่องคุณภาพนั้นไม่ถึงกับต่างกันมาก แต่อาจจะมีราคาที่สูงกว่า” พงศ์พิชากล่าวการลงทุนทำตัวหนีบไม้ติดการ์ตูนนั้น ใช้เงินทุนเริ่มต้นประมาณ 5,000 บาท สำหรับซื้ออุปกรณ์ในการทำ โดยอุปกรณ์ในการทำก็มี ไม้หนีบหลายไซส์ ทั้งไซส์เล็ก-ไซส์ใหญ่ รวมประมาณ 5 ไซส์, ซิลิโคน, ปืนยิงซิลิโคน, ลวด เป็นต้น

การทำนั้น เริ่มจากเลือกใช้ไม้หนีบสีตามที่ต้องการ นำการ์ตูนไม้ลายที่ต้องการมาติดลงบนตัวหนีบไม้ ใช้กาวซิลิโคนยึดติดให้แน่น ถ้าต้องการลวดลายสีสันเพิ่มที่ตัวไม้หนีบก็สามารถนำสีน้ำมันมาทำการเพ้นท์ ใส่ลวดลายที่ต้องการลงไปบนไม้หนีบเพิ่มเติมได้ส่วนการนำไม้หนีบที่ติด การ์ตูนแล้วไปต่อยอดทำงานชิ้นอื่น อย่างการทำ ราวแขวนรูป ก็ให้เลือกไม้หนีบที่ติดการ์ตูนแล้ว 4 ชิ้น ใช้ลวดขนาดที่พอดีกับรูขดลวดของไม้หนีบ จากนั้นก็ใช้ลวดสอดผ่านรูขดลวด ไม้หนีบก็จะติดอยู่กับลวด ปลายลวดที่สอดทั้งสองข้างก็นำตัวดูดกระจกมาติดทั้ง 2 ข้าง เท่านี้ก็ได้สินค้าอีก 1 ชิ้น หรืออาจจะดัดลวดที่สอดกับตัวหนีบเป็นรูปต่าง ๆ อาทิ รูปไม้แขวนเสื้อ รูปบ้าน รูปหัวใจ ก็ได้เป็นอีกหนึ่งรูปแบบ หรือถ้าไม่ใช้ลวดก็สามารถใช้เชือกอะไรก็ได้ที่ดูแล้วสวยงาม นำมาทำเป็นราวแขวนรูปติดไม้หนีบการ์ตูน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดีย

“ตัวหนีบไม้รูปการ์ตูนนั้นเป็นงานที่ไปได้เรื่อย ๆ ยังไม่ตัน เพราะสามารถที่จะนำไปต่อยอด ใส่ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ ให้เป็นสินค้าได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับไอเดียของแต่ละคน” พงศ์พิชากล่าว

สินค้าไม้หนีบการ์ตูนนี้ มีจำหน่ายทั้งแบบตัวหนีบเปล่าหลายขนาด ราคาตั้งแต่ 14-20 บาทต่อโหล ส่วนไม้หนีบที่ติดตัวการ์ตูน มีราคาตั้งแต่ 30-70 บาทต่อโหล และสินค้าต่าง ๆ ที่นำไม้หนีบมาต่อยอดเป็นสินค้ารูปแบบใหม่ ๆ มีราคาตั้งแต่ 25-40 บาท ต่อ 1 ชิ้น

.........................................

ใครสนใจ “ตัวหนีบไม้การ์ตูน” ของ พงศ์พิชา สามารถเข้าไปดูตัวอย่างสินค้าได้ที่ wwwcoolclamp.ibuy.co.th หรือ facebook.com/coolclamp หรือติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 09-0605-4607, 08-9202-6183 ซึ่งนี่ก็เป็นตัวอย่าง “ช่องทางทำกิน” ที่ลงทุนไม่สูงมาก ทำก็ไม่ยากมาก แต่ถ้าไอเดียดี ๆ รายได้ก็ดีได้!!

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน

.........................................

คู่มือลงทุน...ตัวหนีบไม้การ์ตูน

ทุนเบื้องต้น ประมาณ 5,000 บาท

ทุนวัสดุ ไม่เกิน 50% ของราคาขาย

รายได้ ราคา 30-70 บาท ต่อโหล

แรงงาน 1 คนขึ้นไป

ตลาด ตลาดนัด, รับสั่งทำ, ขายผ่านเว็บ

จุดน่าสนใจ พลิกแพลงต่อยอดสินค้าได้มาก

http://www.dailynews.co.th/article/384/6353