“ขนมเทียนสลัดงา” หรือบางคนอาจจะรู้จักในชื่อ “ขนมงาสลัด”
สองชื่อนี้เป็นขนมชนิดเดียวกัน ปัจจุบันเป็นอีกหนึ่งขนมโบราณที่หาทานยาก
แต่ก็ยังมีผู้สืบทอดการทำขนมชนิดนี้อยู่บ้าง ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน”
ก็มีข้อมูลการทำขนมชนิดนี้มานำเสนอ โดยผู้ที่อนุรักษ์สืบทอดขนมโบราณชนิดนี้
ก็สามารถจะยึดเป็นอาชีพได้อย่างดี...
เบญจมาศ เบ้าทอง หรือคุณเบญ เจ้าของร้านขนมเทียนบ้านทรงไทย เล่าให้ฟังว่า
เธอทำ “ขนมเทียนสลัดงา” ขายเป็นอาชีพเลี้ยงตัวมาประมาณ 5 ปีแล้ว
ซึ่งก่อนนั้นเคยทำงานเป็นแม่บ้านของชาวต่างชาติ
และเมื่อมีเวลาว่างก็จะทำอาหารหวานคาวไปถวายพระทำบุญที่วัดอยู่เสมอ ๆ
โดยเฉพาะขนมเทียนสลัดงาที่ได้สูตรการทำมาจากเพื่อน
ซึ่งทำทีไรก็มักได้รับคำชมและถามถึงที่มาจากคนที่ได้ชิม
เพราะให้ความรู้สึกถึงวิถีชีวิตความเป็นไทย
“ตอนเป็นเด็กเวลาตามคุณแม่ไปทำบุญที่วัด มักจะได้กินขนมเทียนสลัดงาเสมอ
พอโตมาหาทานยากมาก พอดีเพื่อนสนิทได้รับการถ่ายทอดสูตรขนมนี้
ซึ่งเป็นสูตรตั้งแต่คุณยาย มาถึงคุณแม่ และเพื่อน
พอรู้ว่าเราชอบขนมเทียนสลัดงาเพื่อนก็ทำให้ทาน
พร้อมกับสอนให้ทำโดยไม่หวงสูตร ส่วนจุดเริ่มต้นของอาชีพนี้คือ
ตั้งใจทำขนมไปถวายพระ พระท่านก็บอกว่าถูกจริต โยมทำเองหรือ ทำไมไม่ทำขายล่ะ
ซึ่งก็ตรงกับคำพูดของผู้ใหญ่ที่นับถือ และเพื่อนก็เคยถามแบบนี้
เราก็นึกสนใจ
และก็คิดว่าคงต้องไปขออนุญาตเพื่อนที่สอนให้ก่อนว่าจะให้เราทำขายได้ไหม
เพื่อนก็บอกเอาเลย การทำขนมเทียนสลัดงาดูภายนอกเหมือนไม่มีอะไร ดูง่ายไปหมด
แต่จริง ๆ แล้วยาก โดยเฉพาะในเรื่องการกวน ซึ่งต้องอึดและต้องทน
เพราะต้องใช้แรง จุกจิก และใช้ระยะเวลายาวนาน
ถือเป็นการทำขนมที่หนักทีเดียว” คุณเบญกล่าว
พร้อมทั้งยังบอกอีกว่า ขนมของที่ร้านไม่ใส่สารกันบูดเด็ดขาด จึงมีอายุได้ 2
วัน แต่ถ้าทานไม่หมดแล้วนำเข้าช่องแช่แข็ง จะอยู่ได้นานถึง 2 เดือน
เมื่อจะรับประทานก็นำออกมาให้คลายความเย็นลง ขนมก็จะยังอร่อยเหมือนเดิม
ในการทำ อุปกรณ์ที่ใช้หลัก ๆ ก็มี เตาแก๊ส, เครื่องบด, กระทะทอง, ไม้พาย,
กะละมัง, ถาด, กรรไกร, มีด, หม้อสเตนเลส, ถุงพลาสติกใส
และเครื่องไม้เครื่องมือเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่หยิบยืมเอาจากในครัวได้
ส่วนผสม “ไส้ขนมเทียนสลัดงา” ประกอบด้วย ถั่วเขียวซีกเลาะเปลือก,
น้ำตาลทราย, หอมแดง, พริกไทยป่น, เกลือ สำหรับส่วนผสม
“ตัวแป้งขนมเทียนสลัดงา” จะใช้แป้งข้าวเหนียว กับน้ำสะอาด
ขั้นตอนการทำ “ขนมเทียนสลัดงา” เริ่มจากเตรียมภาชนะห่อขนม
โดยใช้พลาสติกใสมาตัดเป็นวงกว้างตามขนาดที่ต้องการ
เตรียมไว้สำหรับการทำไส้ขนม นำถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกมาล้างน้ำให้สะอาด
แล้วแช่ทิ้งไว้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง จึงนำไปนึ่งให้สุก
จากนั้นก็ทำการบดหรือโขลกให้ละเอียด เสร็จแล้วตักใส่กระทะทอง ตั้งพักไว้
ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใช้ความร้อนปานกลาง นำหอมแดงซอยลงเจียวให้หอม
ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน ก่อนจะนำไปใส่ในกระทะทองที่มีถั่วบดอยู่
ตามด้วยพริกไทย น้ำตาลทราย เกลือ แล้วเริ่มกวนด้วยไฟปานกลางไปเรื่อย ๆ
จนแห้งและร่อน ยกลงตั้งไว้ให้เย็น แล้วปั้นไส้ให้เป็นก้อนกลมเตรียมไว้
ก่อนจะนำไปอบควันเทียนในภาชนะที่มีฝาปิด 3-4 ชั่วโมง
ต่อไปเป็นการทำตัวแป้ง นำแป้งข้าวเหนียวมานวดกับน้ำเปล่า หรือจะเป็น
น้ำใบเตย หรือ น้ำอัญชัน ก็ได้ตามความต้องการ
นวดจนแป้งเนียนเป็นเนื้อเดียวกันจนสามารถปั้นได้ (ไม่เหลวติดมือ)
จากนั้นพักแป้งไว้สักครู่โดยเอาผ้าขาวบางบิดน้ำหมาด ๆ คลุมไว้
เพื่อให้แป้งเซตตัว
ระหว่างที่รอแป้งเซตตัวก็นำงาที่ล้างและสะเด็ดน้ำแล้วมาคั่วจนเม็ดงาพองส่ง
กลิ่นหอม และมีสีเหลืองอ่อน ๆ เตรียมไว้
เมื่อแป้งเซตตัวดีแล้วก็นำมาแบ่งเป็นก้อนเล็ก ๆ ใช้มือแผ่แป้งออก
ใส่ไส้แล้วห่อปิดไส้ให้มิด
นำไปต้มในน้ำเดือดจนแป้งลอยขึ้นมาซึ่งแสดงว่าสุกแล้ว ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ
แล้วคลุกงาคั่วที่เตรียมไว้ให้ทั่ว
จากนั้นก็ทำการห่อขนม
โดยการห่อขนมให้เอาพลาสติกใสที่ตัดเตรียมไว้มาทำเป็นรูปกรวย
นำขนมที่คลุกงาคั่วเรียบร้อยใส่ลงไปในกรวย กดพอแน่น
แล้วห่อเป็นรูปสามเหลี่ยมพีระมิด หรือรูปนมสาว ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน
การขาย “ขนมเทียนสลัดงา” เจ้านี้ มีทั้งแบบแพ็กเล็ก 5 ลูก 30 บาท แพ็กใหญ่
10 ลูก 60 บาท โดยมีต้นทุนเฉพาะในส่วนของวัตถุดิบประมาณ 60% จากราคาขาย
“ขนมเทียนสลัดงา” เหมาะใช้ในงานทำบุญเลี้ยงพระ ขึ้นบ้านใหม่ ประชุมสัมมนา
และเป็นของฝากของขวัญในงานเทศกาล งานมงคลต่าง ๆ
ซึ่งคุณเบญก็มีบริการจัดเป็นกระเช้า ชะลอม และตะกร้าสวย ๆ
โดยใครต้องการก็สั่งออร์เดอร์ล่วงหน้า 1 วัน ที่ โทร. 08-1657-1431
และยังมีวางขายที่ “ร้านโรตีวรรณพร” ถนนอู่ทอง จ.พระนครศรีอยุธยา โทร.
08-5185-2177 ซึ่งการทำขนมชนิดนี้ขายก็เป็นอีก “ช่องทางทำกิน”
จากการอนุรักษ์ขนมโบราณ ที่นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว.
http://www.dailynews.co.th/article/384/145027
งานประดิษฐ์จากสบู่ดูทิศทางแล้วยังไม่ตัน
ซึ่งวัตถุดิบอย่างสบู่นั้นสามารถนำมาต่อยอดดัดแปลงเป็นงานฝีมือได้อย่างน่า
สนใจ รวมถึงงาน “ดอกมะลิจากสบู่” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน”
มีข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้....
“ปรารถนา ขันธุลา” สมาชิกของ กลุ่มผู้สูงอายุหมู่บ้านเคซี 2 รามอินทรา
เล่าว่า ทางกลุ่มได้ประดิษฐ์ต้นมะลิและช่อดอกมะลิจากสบู่
โดยงานตัวนี้ต่อยอดมาจากงานพวงมาลัยสบู่
ดัดแปลงให้เป็นต้นมะลิและช่อดอกมะลิ
ซึ่งสมาชิกกลุ่มที่ทำเป็นผู้สูงอายุในหมู่บ้านที่ต้องการหารายได้เสริม
สร้างรายได้จุนเจือครอบครัวอีกทาง
ทั้งยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
สำหรับจุดเด่นของต้นมะลิจากสบู่นี้ มีหลักการคล้ายกับการทำพวงมาลัยสบู่
เพียงแต่ปรับรูปแบบให้มีลักษณะเป็นช่อและดอกเพื่อนำไปปรับใช้ตกแต่งเข้ากับ
สินค้าต่าง ๆ โดยนอกจากจะจำหน่ายได้ดีในช่วงเทศกาล “วันแม่” แล้ว
ก็ยังสามารถจำหน่ายได้ตลอดปี เป็นของที่ระลึก ของชำร่วย
หรือใช้ไหว้ผู้ใหญ่ในโอกาสและเทศกาลต่าง ๆ
“จุดเด่นของการใช้วัตถุดิบสบู่นี้คือ สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน
โดยสามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 2-3 ปี หรืออาจมากกว่านั้น
ขึ้นอยู่กับวิธีการเก็บรักษา” ปรารถนากล่าว
ทุนเบื้องต้นสำหรับการทำ “ดอกมะลิจากสบู่” ใช้ประมาณ 1,500 บาท
ส่วนใหญ่เป็นค่าอุปกรณ์และวัตถุดิบ
ขณะที่ทุนวัตถุดิบในการทำชิ้นงานแต่ละชิ้นอยู่ที่ประมาณ 50% จากราคาขาย
ซึ่งราคาขายมีตั้งแต่ 10 บาท ไปจนถึง 350 บาท ขึ้นกับขนาด รูปแบบ
และประเภทของสินค้า โดยมีรูปแบบ อาทิ ดอกเดี่ยว, ดอกเข้าช่อ, แจกันดอกมะลิ
เป็นต้น
อุปกรณ์ที่ต้องใช้ หลัก ๆ ประกอบด้วย กรรไกร ใช้ 2 ขนาดคือ
กรรไกรขนาดเล็กปลายแหลม สำหรับใช้ตัดแต่งดอก และกรรไกรขนาดใหญ่
สำหรับใช้ตัดก้านดอกหรือวัสดุอื่น ๆ, ปากคีบปากแหลม
ใช้สำหรับหนีบกลีบตกแต่ง, กาวลาเท็กซ์, เข็มกับด้าย
(แบบเดียวกับเข็มร้อยมาลัย), ที่ปอกผลไม้, ไม้พาย และหม้อสเตนเลส
สำหรับกวนสบู่และแป้ง
วัตถุดิบหรือวัสดุที่ใช้ ประกอบด้วย น้ำสะอาด, สบู่ก้อน, แป้งข้าวโพด,
กาวลาเท็กซ์, วัสดุตกแต่ง อาทิ โบกับริบบิ้น, กลีบเลี้ยงดอกไม้,
กล่องกระจกใส, แจกันหรือกระถางขนาดต่าง ๆ
ก้านลวดและกลีบเลี้ยงดอกไม้ประดิษฐ์
ขั้นตอนการทำ การเตรียมสบู่สำหรับปั้น เริ่มจากขูดสบู่ให้เป็นแผ่นบาง ๆ
ด้วยที่ขูดหรือที่ปอกเปลือกผลไม้
แล้วนำแผ่นสบู่ที่ได้ไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมงจนสบู่นิ่ม
เพื่อให้สะดวกในการกวน เมื่อสบู่นิ่มแล้วให้นำมาใส่หม้อสเตนเลส ตั้งไฟ
ใช้ไม้พายกวนจนสบู่ละลายตัว จากนั้นเทกาวลาเท็กซ์ผสมลงไป แล้วกวนไปเรื่อย ๆ
จนน้ำสบู่เดือด
พอน้ำสบู่เดือดแล้ว ก็ยกลงตั้งทิ้งไว้จนน้ำสบู่เย็นตัวจนถึงระดับแค่พออุ่น
จากนั้นก็นำสบู่ที่อุ่นตัวแล้วเทลงผสมในแป้งข้าวโพดที่เตรียมไว้
แล้วทำการนวดด้วยมือจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
วิธีสังเกตว่าเนื้อสบู่ใช้ได้แล้ว
ให้สังเกตว่าผิวของแป้งและเนื้อสบู่จะเนียนนวลไม่ติดมือ
จากนั้นก็ทำการแบ่งแป้งสบู่ที่ผสมได้ออกเป็นก้อน ๆ
เพื่อนำไปผสมสีตามต้องการ ซึ่งสำหรับการทำต้นและดอกมะลิให้ใช้สีขาวเป็นหลัก
แต่ถ้าหากต้องการทำดอกไม้อื่น ๆ ก็ให้เลือกใช้สีได้ตามต้องการ เช่น
ดอกกุหลาบ ใช้สีแดง ใบไม้ ก็ใช้สีเขียว เป็นต้น
เมื่อผสมสีแป้งสบู่ตามต้องการแล้ว
ก็นำแป้งที่ได้มาบรรจุใส่ถุงพลาสติกกันลมและอากาศ
เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งสบู่แข็งตัวก่อนใช้งาน
การขึ้นดอก เริ่มจากนำแป้งสบู่ที่ได้มานวดคลึงอีกครั้ง
แล้วทำการปั้นให้เป็นรูปทรงกลม ขนาดประมาณเท่าลูกชมพู่
นำก้านลวดสำหรับการทำดอกไม้ประดิษฐ์มาเสียบเข้าไป
จากนั้นเริ่มใช้กรรไกรตัดแป้งแบ่งให้เป็นกลีบดอกเท่า ๆ กัน
สำหรับการทำดอกมะลิ ที่กลุ่มนี้ทำอยู่จะเลือกใช้รูปแบบของ “มะลิซ้อน”
ซึ่งจะต้องตัดแบ่งกลีบออกประมาณ 10-15 กลีบต่อ 1 ดอก
จากนั้นใช้ปากคีบปากแหลมหนีบปลายกลีบทุกกลีบให้เกิดเป็นกลีบดอกมะลิ
ใช้ปลายนิ้วทำการบีบปลายกลีบดอก เพื่อให้บาง
และเพื่อเพิ่มความพลิ้วให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ขั้นตอนต่อมา ทำการประกอบดอก ทำการตกแต่งดอกด้วยการนำกลีบเลี้ยงมาตกแต่ง
จากนั้นทำการรวมช่อหรือจัดให้เป็นพุ่มของต้นดอกมะลิ ด้วยวัสดุตกแต่งต่าง ๆ
ตามต้องการ
“ความสวยงามของต้นหรือดอกมะลิที่ทำนั้น ขึ้นอยู่กับความสวยงามของช่อดอก
ต้องระวังไม่ให้มีกลีบดอกมากหรือน้อยเกินไป อีกจุดคือทักษะในการจับกลีบดอก
ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความชำนาญและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ” ปรารถนากล่าวแนะนำ
สำหรับผู้ที่สนใจหัดทำงานฝีมือประเภทนี้ไว้เป็น “ช่องทางทำกิน”
ใครสนใจอยากจะซื้อหา “ดอกมะลิจากสบู่” ไปใช้ใน “วันแม่” ที่ใกล้จะมาถึง
หรือจะสั่งไปจำหน่ายต่อ
หรือต้องการได้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการทำแบบลึก ๆ ก็สามารถติดต่อ
กลุ่มผู้สูงอายุหมู่บ้านเคซี 2 รามอินทรา ได้โดยตรง ที่ โทร.08-9128-8180,
08-0443-3714 ซึ่งแว่ว ๆ ว่าวันที่ 12 ส.ค. 2555 นี้ ก็จะมีการจัด
“อบรมฟรี” ด้วย!!.
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ : เรื่อง-ภาพ
.........................................
คู่มือลงทุน...ดอกมะลิจากสบู่
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 1,500 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 50% ของราคา
รายได้ ราคาดอกละ 10-350 บาท
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด กลุ่มของที่ระลึก, ของชำร่วย
จุดน่าสนใจ ขายได้ตลอดปี-ขายดีช่วงวันแม่
http://www.dailynews.co.th/article/384/138142