งานประดิษฐ์ งานแฮนด์เมด ถ้ารู้จักใส่ไอเดีย ประยุกต์
นำเสนอชิ้นงานออกมาให้ดูสวยงาม หลากหลาย และเป็นแบบฉบับของตัวเอง
ก็สามารถดึงดูดลูกค้าให้มาสนใจในตัวสินค้าได้เป็นอย่างดี อย่างงาน
“ฉากกั้นห้อง”
ที่นำวอลเปเปอร์ที่มีลวดลายสวยงามหลากหลายลายมาเป็นวัสดุติดลงบนฉากกั้นห้อง
ซึ่งเป็นอีก “ช่องทางทำกิน” ที่น่าพิจารณา...
เมย์-อทิตา สุวรรณสุทธิ์ ร้านบ้านมุมฉาก ซึ่งนำวอลเปเปอร์มาทำฉากกั้นห้อง
เล่าว่า
หลังจากเรียนจบทางด้านการตลาดก็เข้าทำงานเป็นพนักงานบริษัทที่ขายวอลเปเปอร์
แต่ทำอยู่ได้ไม่นานบริษัทที่ทำงานก็ปิดลง
แต่ส่วนตัวมองว่างานเกี่ยวกับวอลเปเปอร์นี้น่าจะยังไปได้อีก
จึงออกมาจำหน่ายและรับติดวอลเปเปอร์เอง
ซึ่งก็เป็นธุรกิจที่ไปได้ดีในช่วงนั้น จนมาระยะหลังร้านวอลเปเปอร์เริ่มเยอะ
แข่งขันกันสูง และมีการตัดราคากันเองมากขึ้น
ธุรกิจจึงเริ่มไม่ดีเหมือนแต่ก่อน
เมื่อธุรกิจที่ทำอยู่เริ่มไม่ดีเหมือนเก่า
จึงเริ่มมองหาอะไรทำเสริมเพื่อเป็นการเสริมรายได้
พอดีแฟนทำฉากกั้นห้องจำหน่ายอยู่ก่อนแล้ว
แต่ว่าเป็นฉากที่ใช้วัสดุเป็นพวกไม้สาน
จึงเกิดความคิดว่าน่าจะลองเอาวอลเปเปอร์ ที่มีลวดลายและสีสันเยอะ
มาทำเป็นฉากกันห้อง ซึ่งน่าจะทำได้
หลังจากที่มีความคิดนี้
ก็เริ่มสำรวจตลาดดูว่าสินค้าแบบนี้มีคนทำออกมาจำหน่ายหรือยัง
ไปเดินดูตามตลาดนัดต่าง ๆ ก็ยังไม่เห็นว่ามีคนทำออกมา
จึงตัดสินใจที่จะทำฉากกั้นห้องออกมาขายเอง
โดยเริ่มจากการสั่งทำฉากไม้สำเร็จรูป แล้วนำมาทำการติดวอลเปเปอร์ลงไป
เป็นการทดลองตลาดดูก่อน หลังจากที่ทำเสร็จชุดแรก
ก็ลองประกาศขายผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
เมื่อได้รับการตอบรับจากลูกค้า จึงเริ่มผลิตงานออกมาจริงจัง
และเพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิตจึงไม่สั่งทำกรอบสำเร็จรูป
แต่หันมาผลิตเอง ทำเอง ซึ่งก็ลองผิดลองถูกอยู่กว่า 3 สัปดาห์
จนได้ฉากที่ลงตัวเรื่องขนาด เรื่องไซซ์ ซึ่งฉากกั้นห้องนั้นอาจมองว่าทำง่าย
ๆ แต่เวลาทำจริง ๆ ก็ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่คิด
แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าจะฝึกฝน
“ฉากกั้นห้องที่ใช้วอลเปเปอร์มาติดที่ทำอยู่ เราจะเน้นทำเป็นงานแฮนด์เมด
ทำด้วยมือทุกขั้นตอน งานที่ทำออกมาจึงออกจะช้าอยู่บ้าง
แต่รับรองว่างานดูเรียบร้อย ประณีต มีคุณภาพแน่นอน” เมย์กล่าว
สำหรับการลงทุนทำฉากกั้นห้องขายนั้น เบื้องต้นใช้ประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป
ซึ่งสามารถทำฉากกั้นห้องได้ประมาณ 10-15 ชุด
แต่ถ้ามีเงินทุนมากพอก็ลงทุนเยอะหน่อย เพื่อซื้อวัสดุอุปกรณ์คราวละมาก ๆ
ต้นทุนก็จะลดลงได้
วัสดุอุปกรณ์ในการทำฉากกั้นห้อง หลัก ๆ มีดังนี้คือ...วอลเปเปอร์, ไม้
(สำหรับทำกรอบฉากกั้นห้อง), แผ่นไม้อัด ขนาดประมาณ 4 มิลลิเมตร, สีทาไม้,
แล็กเกอร์, เลื่อยไฟฟ้า, กาวลาเท็กซ์, บานพับ, กระดาษทราย เป็นต้น
ขั้นตอนการทำเริ่มจาก...นำไม้สำหรับทำกรอบฉากกั้นห้องมาทำการตัดตามขนาดที่
กำหนดไว้ ให้ได้ด้านกว้างขนาด 50 ซม. ส่วนความสูงนั้นตามแต่ต้องการ
(แต่ไม่ควรสูงเกินกว่า 1.8 เมตร
เพราะเวลาใช้งานฉากกั้นจะมีโอกาสล้มได้ง่าย)
ตัดไม้ทำกรอบฉากออกมาก็จะได้ไม้ 4 ชิ้น ด้านกว้าง 2 ชิ้น ด้านสูงอีก 2 ชิ้น
เมื่อได้ไม้ที่ตัดแล้วก็ทำการขัดด้วยกระดาษทรายให้เรียบ
เอาเสี้ยนไม้ออกให้หมด ทำการเซาะร่องตรงกลางไม้ที่จะนำมาทำเป็นกรอบฉาก
เซาะร่องให้ขนาดกว้างเท่ากับความหนาของแผ่นไม้อัด
เมื่อทำการเซาะร่องเสร็จแล้ว จากนั้นก็ทำการประกอบเข้าด้วยกัน
ประกอบเป็นลักษณะเหมือนการทำกรอบรูปโดยมีแผ่นไม้อัดอยู่ตรงกลาง
การประกอบนั้น กรอบด้านบนให้ตัดไม้เป็นมุมประมาณ 45 องศา
แล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกันเหมือนกรอบรูป
โดยมีแผ่นไม้อัดใส่ไว้ในร่องที่เซาะไว้ ยึดด้วยกาวลาเท็กซ์และตะปูขนาดเล็ก
เพื่อความแน่นหนา
ส่วนด้านล่างไม่ต้องตัดมุมให้ประกอบติดโดยติดให้สูงขึ้นมาจากพื้นประมาณ
10-15 ซม. เพื่อให้เป็นขาตั้งของฉากกั้น
เมื่อประกอบเสร็จแล้วก็ใช้กาวอัดตามร่องแผ่นไม้อัดเพื่อความแน่นหนาอีกที
จากนั้นก็ตรวจดูกรอบไม้ ถ้าไม้กรอบมีรูก็ทำการโป๊วทับให้เรียบ
เก็บรายละเอียดเสร็จก็ทำการขัดไม้ให้เรียบอีกครั้ง
แล้วจากนั้นก็ทำการทาสีที่กรอบไม้ โดยทา 2 รอบ
พอสีแห้งก็ทาทับด้วยแล็กเกอร์
พอแห้งก็นำวอลเปเปอร์มาติดลงบนไม้อัดโดยยึดติดด้วยกาว เท่านี้ก็เสร็จ
ก็จะได้กรอบฉากกั้น 1 บาน ซึ่งจะต้องทำทั้งหมด 3 บาน
แล้วนำมาติดบานพับให้ติดกัน ก็จะได้ฉากกั้นห้อง 1 ชุด
ฉากกั้นห้อง 1 บาน จะมีต้นทุนการทำอยู่ที่ประมาณ 700 บาท
ไม่รวมค่าวอลเปเปอร์ โดยวอลเปเปอร์นั้นมีหลายชนิด ราคาก็แตกต่างกันออกไป
โดยถ้ารวมค่าวอลเปเปอร์ด้วยเฉลี่ยก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท ต่อ 1 บาน
ฉากกั้นห้องร้านนี้ มีขนาดหน้ากว้าง 50 ซม. เป็นมาตรฐาน ส่วนความสูง
มีขนาด 1.45, 1.6 และ 1.8 เมตร ราคาต่อ 1 ชุด ก็มีตั้งแต่ 2,700-4,800 บาท
ขึ้นกับขนาดความสูงและวอลเปเปอร์ โดยมีต้นทุนประมาณ 2,000-3,000 บาท
ใครสนใจ “ฉากกั้นห้องแฮนด์เมด” ลวดลายวอลเปเปอร์ ของร้านบ้านมุมฉาก
ไปชมสินค้าได้ที่ 644/78 ซอยเสรีไทย 41 ถนนเสรีไทย แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม
กรุงเทพฯ เบอร์โทรศัพท์ 08-6358-6291, 08-8277-2901 หรือดูได้ในเว็บไซต์
http://banmoomchark.blogspot.com ซึ่ง “ช่องทางทำกิน” รูปแบบนี้
นอกจากจะทำขายสำเร็จรูปแล้ว
ยังสามารถจะทำเงินโดยรับสั่งทำตามแบบตามลวดลายที่ลูกค้าต้องการ
ก็ลองพิจารณากันดู.
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน/แสงจันทร์ สนั่นเอื้อ : ภาพ
..........................................
คู่มือลงทุน...ฉากกั้นห้องแฮนด์เมด
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัสดุ ประมาณ 2,000-3,000 บาท/ชุด
รายได้ ราคาขาย 2,700-4,800 บาท/ชุด
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ขายผ่านเน็ต, ร้านของแต่งบ้าน
จุดน่าสนใจ มีลวดลายดึงลูกค้าได้หลายกลุ่ม
http://www.dailynews.co.th/article/384/169813
งานอาร์ตแฮนด์เมดสามารถพลิกแพลงต่อยอดสร้างสรรค์เป็นสินค้าใหม่ออกสู่
ตลาดได้เรื่อย ๆ และยังสร้างรายได้ให้กับผู้ที่สร้างสรรค์งานได้เป็นอย่างดี
อย่างการนำภาพวาดภาพเขียนแนวการ์ตูนน่ารัก ๆ สีสันสดใส มาต่อยอด ทำเป็น
“แม็กเน็ต” “ที่แขวนกุญแจ” ออกขายเป็นสินค้ากลุ่มของขวัญของฝาก นี่ก็เป็น
“ช่องทางทำกิน” ที่น่าพิจารณา...
โอเล่-รุ่งนภา จะโนภาษ ซึ่งนำภาพวาดมาสร้างสรรค์เป็นสินค้า อาทิ
“แม็กเน็ตติดตู้เย็นจากภาพวาด” และ “ที่แขวนพวงกุญแจจากภาพวาด” เล่าว่า
เดิมนั้นพอเรียนจบออกมาก็เข้าทำงานประจำเป็นประชาสัมพันธ์
ทำอยู่ได้ระยะหนึ่งก็เริ่มรู้สึกเบื่อ
เริ่มไม่สนุกกับงานที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง
อยากทำงานที่เป็นเจ้านายตัวเอง
ต่อมาจึงออกจากงานประจำที่ทำอยู่ แล้วก็เริ่มมองหาอาชีพใหม่
จนในที่สุดก็มาทำอาชีพค้าขาย โดยช่วงนั้นขายกระเป๋ามือสอง
ขายอยู่นานพอสมควร จนตลาดเริ่มไม่ดีเหมือนอย่างเก่า ลูกค้าเริ่มน้อยลง
จึงมองหาสินค้าใหม่ ๆ มาขาย
“ในช่วงนั้นแฟนได้เริ่มไปหัดเรียนวาดภาพ ฝึกฝนอย่างจริงจังอยู่ได้ประมาณ
2 เดือน พอวาดได้ในระดับหนึ่งจึงตัดสินใจที่จะเปิดร้านวาดภาพขาย
จึงเริ่มฝึกหัดวาดรูปวาดภาพบ้าง เพื่อที่จะได้ช่วยกัน
ซึ่งก็ใช้เวลาอยู่พอสมควร
แต่ก็พอจะมีพื้นฐานตั้งแต่ตอนเรียนอยู่บ้างเล็กน้อย จึงทำได้
และมาถึงตอนนี้ด้วยประสบการณ์ที่ทำมากว่า 10 ปี ก็ทำให้เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ
มากขึ้น รวมถึงก็อาศัยดูเทคนิคต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ต แล้วก็มาลองทำดู”
ภาพที่วาดออกมาขายส่วนใหญ่จะออกเป็นแนวน่ารัก ๆ สีสันสดใส หรือที่เรียกว่า
“แนวป๊อบอาร์ท” โดยจะเน้นรูปการ์ตูนสัตว์ต่าง ๆ และดอกไม้
โดยแบบส่วนใหญ่จะพยายามคิดขึ้นมาเอง เน้นสีสันสดใส มองแล้วเพลินตา
ที่มาจับงานวาดภาพแนวนี้ ก็เนื่องจากตอนแรกยังแค่เริ่มหัดวาดภาพใหม่ ๆ
ซึ่งงานแนวนี้เป็นงานวาดที่ไม่ยาก ไม่ต้องใช้เทคนิคการวาดมากมาย
เพียงแต่เป็นงานที่ต้องผสมผสานใส่ไอเดียลงไปในการวาดด้วยเท่านั้น
ส่วนรูปแบบ ลายต่าง ๆ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อย ๆ ตามสมัยนิยม
แต่ยังคงสไตล์เดิม...
หลังจากที่วาดภาพลงเฟรมผ้าใบขายอยู่ระยะหนึ่ง
ก็เริ่มมีความคิดว่ารูปภาพที่วาดน่าจะสามารถต่อยอดเป็นสินค้าอื่น ๆ
อย่างพวกแม็กเน็ต ที่แขวนพวงกุญแจ เป็นการขยายกลุ่มลูกค้า
และน่าจะขายได้ง่ายกว่าภาพวาดที่เป็นงานชิ้นใหญ่ที่ทำออกมาได้ช้า
ซึ่งหลังจากทดลองทำแม็กเน็ตออกมาก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อไปเป็นของขวัญของฝาก
บางคนสั่งทำเป็นของชำร่วยแจกในงานแต่งงานก็มี
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำ หลัก ๆ ก็มี... รูปวาดที่ทำเป็นเป็นรูปถ่าย,
แผ่นแม่เหล็ก (ใช้แบบบางประมาณ 0.5 มิลลิเมตร
โดยเลือกซื้อที่มีแถบกาวในตัว), คัทเตอร์, ไม้บรรทัด, ไม้ MDF,
กาวลาเท็กซ์, เทปกาว 2 หน้า เป็นต้น
ขั้นตอนการทำ กรณีทำเป็น “แม็กเน็ต” เริ่มจากถ่ายรูปภาพวาดต้นฉบับ
ที่วาดไว้ขายอยู่แล้ว จากนั้นก็นำภาพไปทำการตกแต่งในคอมพิวเตอร์
ใช้โปรแกรมจัดตกแต่งสีและแสงให้สวยงามตามที่ต้องการ
จะใส่ตัวอักษรข้อความต่าง ๆ ด้วยก็ได้ตามต้องการ จากนั้นก็จัดไซส์รูป
ทำให้ได้ขนาด 6x6 ซ.ม. และ 6x8 ซ.ม. จัดวางให้อยู่ในกรอบรูปขนาด 5x7 นิ้ว
จากนั้นก็นำรูปไปอัดรูปที่ร้านถ่ายรูป ก็จะได้รูปถ่ายไซส์ขนาด 5x7 นิ้ว
ที่มีภาพวาดที่ตกแต่งและจะนำไปทำเป็นแม็กเน็ตอยู่ในรูปถ่ายที่อัดมา ประมาณ
3-4 รูป
หลังจากได้ภาพที่อัดมาแล้ว ก็ใช้คัทเตอร์ตัดรูปภาพออกมา
จากนั้นก็นำรูปไปติดลงบนแผ่นแม่เหล็กชนิดบางที่มีแถบกาวอยู่ด้านบน
ติดเรียงให้เต็มแผ่นแม่เหล็ก จากนั้นก็ตัดออกมาทีละรูป เท่านี้ก็เรียบร้อย
แพ็คใส่ถุงพลาสติกใสพร้อมขายได้ทุนการทำแม็กเน็ตแบบนี้
เฉพาะทุนในส่วนของวัสดุอยู่ที่ประมาณ 5 บาทต่อชิ้น
กรณีจะทำเป็น “ที่แขวนกุญแจ” ขั้นตอนการทำก็เหมือนกับการทำแม็กเน็ต
คือต้องอัดรูปก่อน โดยให้ทำไซส์รูปขนาด 8x10 ซ.ม. แล้วก็ตัดไม้ MDF
เท่ากับขนาดของไซส์รูป ทำการขัดไม้ให้เรียบ จากนั้นก็ใช้สีขาวทาขอบไม้
เพื่อความสวยงาม
จากนั้นก็นำรูปที่อัดมาตัดตามขนาดแล้วนำมาติดลงบนไม้ที่เตรียมไว้
ยึดติดด้วยกาวให้แน่น ใส่ตะขอสำหรับใช้แขวนพวงกุญแจเข้าไป
ด้านหลังติดด้วยเทปกาว 2 หน้า เป็นอันเสร็จ
พร้อมห่อใส่ถุงเตรียมขายทุนวัสดุในการทำที่แขวนกุญแจ อยู่ที่ประมาณ 10
บาทต่อชิ้น
สำหรับราคาขายนั้น แม็กเน็ตจากภาพวาดของโอเล่จะขายอยู่ที่ราคา 20
บาทต่อชิ้น ส่วนราคาขายที่แขนพวงกุญแจอยู่ที่ 35 บาท ต่อชิ้น
ซึ่งถ้าลูกค้าสั่งจำนวนมากก็จะได้ราคาที่ลดลงอีก
ใครสนใจชิ้นงาน “แม็กเน็ตและที่แขวนกุญแจจากภาพวาด” ของโอเล่
รวมถึงสนใจจะออเดอร์ไปจำหน่ายต่อ ไปดูกันได้ที่ เจเจ มอลล์ (JJ MALL)
ชั้นใต้ดิน ซอย 8 ห้อง G276 หรือติดต่อทางโทรศัพท์ที่ โทร.08-1860-9293
ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน”
จากการต่อยอดชิ้นงานแฮนด์เมด ที่สร้างรายได้ได้อย่างพิจารณา.
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์
.......................................................................
คู่มือลงทุน...แม็กเน็ตภาพวาด
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 5,000 บาท
ทุนวัสดุ ประมาณ 5 บาท / ชิ้น
รายได้ ราคาขาย 20 บาท / ชิ้น
แรงงาน 1 คน
ตลาด กลุ่มของขวัญ, ของชำร่วย
จุดน่าสนใจ ลงทุนต่ำ-ทำได้ไม่ยากเกิน
http://www.dailynews.co.th/article/384/167020